ผลจากข่าวการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ประกอบการในช่วงหยุดยาว
วันที่ 5 ธ.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างพากันยกเลิกการจองโรงแรมเป็นจำนวนมาก แม้จะยังไม่พบการแพร่ระบาดจากผู้ป่วยหลักสู่คนทั่วไปในพื้นที่ก็ตาม แต่กลับพบว่ามีข่าวลือเรื่องของการล็อกดาวน์ และกังวลว่าจะต้องถูกกักตัวหากมาเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงนี้
สถานการณ์โควิดล่าสุดของจังหวัดเชียงใหม่ ที่เมื่อวานนี้ช่วงค่ำ ได้มีการแถลงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม เป็นรายที่ 45 ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ติดเชื้อนำเข้า ที่เดินทางมาจากสถานบันเทิง 1G1 จากจังหวัดท่าขี้เหล็ก ในประเทศเมียนมาร์ และลักลอบกลับเข้าเมืองพร้อมกับกลุ่มผุ้ป่วยก่อนหน้านี้ ทำให้ตอนนี้จังหวัดเชียงใหม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่อยู่ในความดูแลของแพทย์ จำนวน 4 รายด้วยกัน มีการยืนยันว่า จนถึงตอนนี้ได้ตรวจเชื้อกลุ่มเสี่ยงไปแล้วประมาณ 1 พันคน แต่ยังไม่พบการติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่แต่อย่างใด
ท่ามกลางบรรยากาศการท่องเที่ยวที่กำลังมีแนวโน้มกลับมาดีขึ้น จากนักท่องเที่ยวชาวไทยเองที่เริ่มเดินทางท่องเที่ยว แต่พอพบผู้ป่วยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดผลกระทบกับการท่องเที่ยว และภาคธุรกิจต่างๆ ทันที โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาว 3 วัน ระหว่างวันที่ 5-7 ธันวาคม ที่ก่อนหน้านี้หลายคนวางแผนเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ กลับต้องยกเลิกไปเป็นจำนวนมาก
จากการสอบถามไปยังผู้ประกอบการ พบว่านักท่องเที่ยวบางรายให้เหตุผลว่าบริษัทไม่อนุญาตให้มาเที่ยวจังหวัดกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะเชียงใหม่ เชียงราย และพะเยา ประกอบกับกระแสข่าวลือต่างๆ ที่ที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์ ทำให้เกิดความไม่มั่นใจขึ้น ผู้ประกอบการวอนให้ภาครัฐช่วยสร้างความมั่นใจ โดยเฉพาะแก้ปัญหาเรื่องข่าวสารต่างๆ ที่เผยแพร่ออกไป ซึ่งไม่ตรงกับความจริง และอาจทำให้ธุรกิจเสี่ยงถึงขั้นล้ม
นส.ไพลิน เทพยารัตน์ ผู้จัดการโรงแรม ไวท์ บูติค โฮเต็ล แอนด์สปา เปิดเผยว่า ช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รายได้และยอดจองห้องพักและยอดผู้เข้าพักเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งเดือนธันวาคม จนกระทั่งตอนนี้ จากยอดจอง 60 เปอร์เซ็นต์ ถูกยกเลิกไปจนเหลือไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่ให้เหตุผลเรื่องกลัวการแพร่ระบาด กลัวถูกล็อกดาวน์หากมาเชียงใหม่ แล้วจะไม่สามารถกลับกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดได้ และหากกลับได้ก็กลัวว่าจะต้องมีมาตรการกักตัวจากการที่เดินทางมาจังหวัดกลุ่มเสี่ยง
ส่วนเรื่องการแพร่เชื้อ แม้หลายคนจะมั่นใจในมาตรฐานของทางโรงแรม แต่ก็เลือกที่จะไม่เสี่ยง ซึ่งทางโรงแรมก็ยินดีคืนเงินเต็มจำนวนให้ หากเป็นผลกระทบจากความไม่มั่นใจโควิด โดยก่อนหน้านี้โรงแรมก็สร้างมาตรฐานในระดับ SHA (Safety & Health Administration) แล้ว แต่อยากให้ทางจังหวัดสร้างความมั่นใจให้คนนอกพื้นที่มากกว่านี้ เนื่องจากเท่าที่ติดตามข่าว ผู้ที่ติดเชื้อยังถือว่าเล็กน้อย ที่สำคัญเป็นเชื้อนำเข้าไม่ได้มีการแพร่ระบาดในพื้นที่แต่อย่างใด
นอกจากธุรกิจห้องพักจะได้รับผลกระทบแล้ว พบว่าบริการสปาของทางโรมก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
นส.ญาณิศา ตันวรรณรักษ์ ผู้จัดการ และ นส.นัทธมน สนธิกุล พนักงานต้อนรับของเดอะ โฮม สปา เปิดเผยว่า ก่อนหน้าสถานการณ์โควิด-19 ครั้งแรก ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ แต่พอเข้าสู่ช่วงโควิด-19 รอบแรกก็ต้องหยุดกิจการชั่วคราว จนกระทั่งสถานการณ์คลี่คลายก็เริ่มเปิดให้บริการและเข้าสู่ช่วงฤดูท่องเที่ยว ก็เริ่มดีขึ้นมา รอบนี้ปรับมาให้บริการนักท่องเที่ยวชาวไทยมากขึ้น ทั้งโปรโมชั่น และรูปแบบ ที่เข้ามาตรฐานของ SHA ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่พอเจอรอบนี้เข้าไป ยอดจองใช้บริการก็ลดลง
ที่ผ่านมาพบว่าผู้ใช้บริการเต็มทุกวัน แต่ตอนนี้ก็เหลือเพียง 10-15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนหนึ่งพบว่ามีนักท่องเที่ยวได้รับข้อมูลเรื่องของการล็อกดาวน์ การกักตัว ที่ไม่ถูกต้อง รวมทั้งข้อบังคับจากที่ทำงานของตัวนักท่องเที่ยวชาวไทยเอง มีการตั้งกฏไว้ว่าหากเดินทางมาจังหวัดเสี่ยงก็ต้องกักตัวเมื่อกลับไปยังพื้นที่ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการทำงานได้ จึงต้องขอยกเลิกไป