รองอธิบดีกรมศิลปากร ลงพื้นที่วัดไชยวัฒนาราม หลังโซเชียลแชร์ว่อน สุดงง ผู้รับเหมาขุดเจาะวางสายไฟลงดินวัดไชยฯ โบราณสถานเมืองกรุงเก่า พร้อมชี้แจงว่า เป็นการวางระบบไฟส่องแสงสว่างใหม่ จึงตัดสินใจรื้อแนวกำแพงที่เพิ่งทำการบูรณะขึ้นมาใหม่ 3 – 4 ปี โดยไม่กระทบหลักฐานเดิม และเสร็จแล้วจะเร่งบูรณะฟื้นฟูโดยเร็วที่สุด
จากกรณี เมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา มีการแชร์เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า นกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำไนนอนนั่น กระจายไปยังโลกโซเชียลมีประชาชนที่เห็นภาพการขุดเจาะโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม ซึ่งเป็นจุดสำคัญของมรดกโลกและเป็นแลนด์มาร์คอันดับต้นของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยข้อความ “#กรมศิลป์ฯไปไหน!!! เกิดอะไรขึ้นครับกับวิธีการฝังและเดินสายเคเบิล #วัดไชยวัฒนาราม พวกออเจ้ารู้หรือไม่ว่า ทำไม ถึงเลือกที่จะทุบ-ทำลายกำแพงวัด ทำไมช่างรับเหมาถึงไม่เลือกที่จะสกัดอิฐออกทีละก้อน หรือ ทำไมไม่เจาะอุโมงค์ลอดใต้กำแพง คนคุมงานกรมศิลปากรหายไปไหน ไกด์ตอบลูกค้าไม่ได้ เห็นทีแรกก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น #นี่หรือคือวิธีการทำงานของประเทศไทย ทำไมไม่เคารพโบราณสถานบ้าง ทำลายโบราณสถาน ตอบลูกค้าไม่ได้จริงๆ งง….ใครตอบคำถามนี้ทีครับ”
ทำให้ประชาชนและผู้ที่พบเห็นข้อความดังกล่าวต่างแสดงความไม่พอใจถึงการดำเนินการครั้งนี้ แสดงความเห็นต่างๆ นานา โดยส่วนใหญ่มองว่าน่าจะมีวิธีการอื่นในการที่จะทุบทำลาย หรือรื้อ
ล่าสุด วันนี้ (20 ส.ค.) นายอรุณศักดิ์ กิ่งมณี รองอธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วย น.ส.สุกัญญา เบาเนิด ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เดินทางลงพื้นที่วัดไชยวัฒนาราม ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจสอบการดำเนินการขุดเพื่อวางระบบไฟฟ้าส่องสว่าง พร้อมชี้แจ้งกรณีที่เกิดขึ้นถึงการทำงานของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ต่อสื่อมวลชนที่มาเฝ้าและติดตามข่าว
นายอรุณศักดิ์ กิ่งมณี รองอธิบดีกรมศิลปากร ชี้แจงว่าจากภาพที่เห็นคือ งานวางระบบไฟส่องแสงสว่างใหม่ ก่อนการดำเนินงานมีการวางแผนแนวสายไฟให้กระทบโบราณสถานให้น้อยที่สุด ในภาพจำเป็นต้องวางแนวสายไฟเข้าด้านในโบราณสถาน จึงตัดสินใจรื้อแนวกำแพงที่เพิ่งทำการบูรณะขึ้นมาใหม่ 3 – 4 ปี โดยไม่กระทบหลักฐานเดิม และเสร็จแล้วจะเร่งบูรณะฟื้นฟูโดยเร็วที่สุด โดยหน้างานมีเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปกรและนักโบราณคดีดูแลตลอด เพื่อป้องกันผลกระทบกับตัวโบราณสถานให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด ตนจึงเดินทางลงมาดู และจากนี้จะมีการนำเรื่องทั้งหมดเข้ารายงานเรื่องต่อรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม ต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: