สัมภาษณ์พิเศษ Charlize Theron – Kiki Layne เรื่องผู้หญิง ผู้นำ และชีวิตอมตะ

เรื่องของหญิงสาวผู้เป็นอมตะเป็นเรื่องราวไร้กาลเวลาที่เล่าเมื่อไหร่กินใจผู้ชมทั่วทุกมุมโลกเสมอมา จากโอเปราชื่อก้อง The Makropulos Case ในปี 1925 จากฝั่งตะวันตก เรื่องของไทยก็มีละครอมฤตาลัย มาปี 2020 Netflix หยิบเรื่องราวนี้มาเสนออีกครั้งในรูปแบบของหนังซูเปอร์ฮีโร่

The Old Guard เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากคอมมิกชื่อเดียวกัน กลั่นจากปลายปากกาของเกร็ก รัคก้า (Greg Rucka) เล่าเรื่องกลุ่มฮีโร่ผู้เป็นอมตะที่ฟาดฟันเหล่าร้ายในโลก ผดุงคุณค่าที่ตนยึดถือมาหลายศตวรรษ พอจีน่า ปรินซ์ไบท์วูด (Gina Prince-Bythewood) ผู้กำกับสาวนำเรื่องนี้มาสร้างบนจอเงิน เขาก็กระโดดเข้ามาเขียนสคริปด้วย

เนื่องในโอกาสที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉายใน Netflix 10 กรกฎาคม 2563 นี้ workpointTODAY ได้รับเกียรติเข้าร่วมวงสัมภาษณ์ ชาร์ลีส เธอรอน และ กีกี้ เลน สองสาวนักแสดงนำผ่านทางแอปพลิเคชั่นซูม ชาร์ลีสนั่งอยู่หน้าจอพร้อมหมาน้อยบนตัก ขณะที่กีกี้แต่งหน้าทำผมจัดจ้านสวยงามตามฉบับของเธอ

คำถาม: คิดว่ามีกลุ่มแบบ The Old Guard อยู่บนโลกไหม?

ชาร์ลีส: ในตอนนี้หรอ? ฉันว่าพวกเขาอาจจะกำลังประท้วงอยู่ที่ไหนสักที่ แต่ก็คงไม่อยากเผยตัวออกมาหรอก ฉันคิดว่าหนึ่งในองค์ประกอบของทีมนี้คือเขาเป็นคนที่อยากจะทำตัวเป็นประโยชน์ ก็เลยคิดว่าเขาอาจจะไม่จำเป็นที่จะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ที่มีคำตอบ แล้วเขาก็ทำงานเป็นทีมดีมากด้วย มีแนวคิดรองรับเบื้องหลังทุกอย่างที่ทำกัน เขาอาจจะกำลังคิดหาวิธีการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพที่สุดอยู่ เพื่อทำให้ระบบต่าง ๆ พังลง แล้วนำไปสู่การปลดแอกประชาชนให้ได้รับความเท่าเทียมมากขึ้น

ชาร์ลีส ซึ่งรับบท ‘แอนดี้’ นักรบสาวอายุหลายพันปีที่นำกลุ่ม The Old Guard ซึ่งเรื่องนี้เธอทำหน้าที่ต้อนรับ ไนล์ ฟรีแมน ผู้อมตะหน้าใหม่เข้ากลุ่ม แม้จะเพิ่งเข้ากลุ่มกีกี้ก็เสริมว่า The Old Guard น่าจะทำอะไรสักอย่างเพื่อโลกอยู่แน่ ๆ

กีกี้: ฉันก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน พวกเขาน่าจะอยากช่วยโลก น่าจะอยากอยู่ในฝ่ายที่ถูกต้องในสายธารประวัติศาสตร์ ในแต่ละสนามต่อสู้ที่พวกเขาเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง เขาคงจะซื่อตรงกับความคิดของตัวเอง แต่ฉันก็มั่นใจว่าทีมนี้จะต้องทำอะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ได้มากที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ แต่ก็คงไม่เผยตัวหรอก เขาจะได้ทำสิ่งที่เขาทำอยู่ต่อไปอีกหลาย ๆ ปี

ธีมของเรื่องนี้นั้นหลากหลาย ไล่ตั้งแต่ความชอบธรรมในการฆ่าในนามของความดี จริยธรรมทางการแพทย์ วิพากษ์ทุนใหญ่กับการแสวงหากำไรจากสิ่งมีชีวิต ทั้งหมดรวมอยู่ใต้ร่มธีมหลักว่าด้วยความหมายของการมีชีวิตในร่างอมตะ

คำถาม: คิดว่าการมีชีวิตขั่วนิรันดร์เป็นโชคหรือเป็นเคราะห์ แล้วถ้าเกิดขึ้นกับตัวเองจะเป็นอย่างไร?

ชาร์ลีส: สำหรับฉันก็คล้าย ๆ กับที่หนังสะท้อนออกมาแหละค่ะ เราถามคำถามนี้ตลอดระหว่างที่เรื่องเดินหน้าไป ฉันคิดว่าหนังได้สะท้อนไปแล้วแหละว่ามองเผิน ๆ แล้วการเป็นอมตะอาจจะดูสวยงาม แต่มองลึกลงไปแล้วเห็นราคาที่ต้องจ่าย มีบางอย่างที่น่ากลัว ฉันก็เลยรู้สึกเหมือน ๆ กับที่ตัวละครในหนังเรื่องนี้ทุกตัวรู้สึก

กีกี้: เหมือนกันค่ะ ไนล์ถามตัวเองตั้งแต่แรกเลยว่าทำไมต้องเป็นเขา คนเราจะมีชีวิตนิรันดร์ไปเพื่ออะไร ถ้าฉันเจอตัวเองอยู่ในจุดนั้นก็คงถามคำถามเดียวกันแล้วก็คงปรับตัวได้ลำบาก คือมันก็ดีแหละที่เราช่วยคนได้มากมาย แต่ถ้ามองในมุมส่วนตัว คุณก็ต้องทิ้งชีวิตก่อนหน้านั้นไป ทิ้งคนรู้จัก ทิ้งคนรัก ใครก็ตามที่เป็นแมตะในหนังเรื่องนี้ล้วนเจอโจทย์นี่ เหมือนต้องสละความสุขส่วนนั้นไป

The Old Guard เป็นหนึ่งในภาพยนต์ไม่กี่เรื่องที่ตัวละครเอกสองตัวเป็นผู้หญิง เป็นผู้นำ ไม่สวมเสื้อผ้ารัดรูป และมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน นักแสดงนำทั้งสองบอกหวังว่าเด็กสาวๆที่ชมเรื่องนี้จะได้มุมคิดในการมองตนเอง

กีกี้: ฉันหวังว่าเด็กผู้หญิงจะเห็นตัวเองเป็นฮีโร่บ้าง เป็นหัวหน้า ตัวละครของแอนดี้และไนล์โดดเด่นเรื่องนี้มาก ไนล์นำกลุ่มผู้หญิงออกไปรบในอัฟกานิสถาน ส่วนแอนดี้เป็นผู้นำกลุ่มนักรบรับจ้างผู้เป็นอมตะ เด็กผู้หญิงที่ดูเรื่องนี้จะได้เห็นผู้นำหญิงที่แข็งแกร่งและได้รับความไว้วางใจจากคนที่เธอนำ ซึ่งก็หมายความว่าเราก็ต้องเชื่อมั่นในตัวเองด้วยก่อนเพื่อที่จะไปอยู่ในจุดนั้นได้ ฉันก็หวังว่าเด็กสาวๆ จะซึมซับตรงนี้เข้าไป

ชาร์ลีส: และสาว ๆ ก็อย่างกลัวที่จะแก่ด้วย (หัวเราะ) สี่สิบกว่า ๆ แล้วมาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ก็ดีเหมือนกัน ฉันอยากให้สาว ๆ ไม่กลัวที่จะแก่ โลกนี้มีกลไกตามธรรมชาติอยู่แล้ว อีกเรื่องนึงคือฉันชอบมากที่ตัวละครผู้หญิงสองตัวต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันได้ เหมือนกับที่แอนดี้กับไนล์ทำในหนังเรื่องนี้

อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องช่องว่างระหว่างวัย เรื่องนี้มีเรื่องของการสลับบทบาทของผู้สอนกับผู้เรียนด้วย ความคิดที่ว่าคนแก่กว่าย่อมรู้มากกว่านั้นใช้ไม่ได้กับหนังเรื่องนี้เลย ตัวละครของไนล์เป็นจิตวิญญาณของวัยรุ่นที่มาสอนแอนดี้เรื่องความหมายของการมีชีวิตอยู่และคุณค่าของการไม่หยุดสู้ ฉันชอบแนวคิดนี้มาก ฉันอยากให้คนรุ่นใหม่รู้สึกมีพลังเมื่อดูหนังเรื่องนี้

ไม่ใช่แค่ในจอ แต่นอกจอชาร์ลีสกับกีกี้ก็ดีต่อกันมาก

กีกี้: การที่แอนดี้กับไนล์ช่วยเหลือเกื้อกูลกันขนาดนั้นส่งผลมาถึงความสัมพันธ์ของฉันกับชาร์ลีสด้วยเหมือนกัน เรามาจากคนละที่ แต่ชาน์ลีสสอนฉันได้ดีมาก เธอสอนแม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ อย่างฉันจะทำแผลที่แขนยังไงดี ตอนที่ต้องศึกษาตัวละครก็ต้องทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างแอนดี้กับไนล์ ฉันก็หยิบเอาการได้อยู่กับชาร์ลีสนี่แหละมาทำให้ตัวละครมันมีมิติขึ้นมา

คำถาม: ระหว่างถ่ายทำบาดเจ็บด้วยหรอคะ?

กีกี้: ไม่ได้มีแผลอะไรใหญ่อะไรค่ะ ก็มีฟกมีช้ำมีแผลนิดหน่อย แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของงานที่ฉันตัดสินใจทำแหละ เพื่อให้เรากลายเป็นตัวละคร เพื่อที่จะเล่าเรื่องในวิถีที่ถูกต้อง

ชาร์ลีส : ฉันก็บาดเจ็บเหมือนกัน แต่ก็ชินไปแล้วน่ะ ทำงานอย่างนี้ก็จะรู้อยู่แล้วว่าต้องเจ็บตัว แต่ฉันก็สนุกกับการเซลฟี่กับแผลนะ มีช่วงนึงบาดเจ็บที่เส้นเอ็นบางส่วนด้วยก่อนปิดกล้อง แต่ตอนนั้นเรายังต้องถ่ายฉากใหญ่ 2 ฉากซึ่งฉากต้องขี่ม้าด้วย ฉันก็เลยขี่ม้าโดยใช้แขนแค่ข้างเดียว กลายเป็นว่ามีข้างเดียวก็ขี่ได้ หลังจากนั้นก็เข้าผ่าทั้งหมดเลยที่ลอสแองเจลีส

ขึ้นชื่อว่าหนังแอคชั่นแล้ว ฉากบู๊ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คนจะให้ความสนใจแน่ๆ ทั้งชาร์ลีสและกีกี้ทุ่มสุดตัวด้วยการฝึกซ้อมก่อนเข้าฉากจริงเป็นเดือน

กีกี้: ฉันต้องเรียนการต่อสู้แบบทหารนาวิกโยธินสหรัฐด้วย สำคัญมาก เพราะมันสะท้อนความเป็นตัวไนล์เป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องของเรื่องนี้ด้วย นี่แหละส่วนที่ยากของบทนี้

ชาร์ลีส: กีกี้ใช้ทีมสตั๊นท์แสดงแทนแค่สองครั้งเท่านั้นเอง ใช้แค่แป๊บเดียวด้วย ที่เหลือคือกีกี้แสดงเองหมดเลย

ชาร์ลีสชมเปาะอย่างนี้ทำให้เราเห็นกีกี้ยิ้มกว้างผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนท์ ชาร์ลีสคือคนที่รับบทแอคชั่นมาหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอบอกเราว่าเรื่องนี้มีสภาพแวดล้อมจำเพาะที่แตกต่างจากเรื่องอื่นออกไป

ชาร์ลีส: ฉันชอบจักรวาลของเรื่องนี้มาก กับการที่มันเป็น Sci-fi แต่ก็มีเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาด้วย เคมีระหว่างตัวละครในกลุ่ม the Old Guard เอย ความสัมพันธ์ระหว่างแอนดี้กับไนล์เอย ทั้งหมดนี้ทำให้ฉันตื่นเต้นไปหมด

เรื่อง The Old Guard เป็นภาพยนต์ที่รุ่มรวย ฉลาดส่งพลังบวก และรื่นรมย์ที่จะรับชม ตลอดทั้งเรื่องตกแต่งด้วยประเด็นถกเถียงแห่งยุคสมัยอย่างแพรวพราว สอดรับกับบทบาทของฮีโร่ยุคใหม่ที่มาพร้อมคุณค่าเชิงจริยธรรม แต่ก็ไม่ทิ้งฉากต่อสู้ระทึกใจตามขนบภาพยนต์ฮีโร หากมีเวลาสักนิดก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่จะชม ไม่ว่าจะเพื่อความรื่นเริงหรือเพื่อขบคิดประลองปัญญาก็ตาม