พรรคคอมมิวนิสต์จีนวางแผนจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองแข่งกับสหรัฐฯ
วันที่ 2 มี.ค. 2564 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานความเคลื่อนไหวในการประชุมประจำปีของสภานิติบัญญัติจีน โดยเปิดเผยว่าทางสมาชิกระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จะอนุมัติแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี สำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงลดการพึ่งพาชาติตะวันตก
ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทำให้แต่ละฝ่ายต้องการพึ่งพาตนเองมากขึ้น จากความหวาดกลัวแนวคิดทางการเมืองของฝั่งตรงข้าม และหวั่นว่าอีกฝ่ายจะออกมาตรการเพื่อกีดกันไม่ให้เติบโตได้
ทางรัฐบาลปักกิ่งเชื่อมั่นว่าระบบการเมืองของตนนั้นได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น จากการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 แม้ว่าจะมีข้อกังขาเรื่องการที่เจ้าหน้าที่ในระดับท้องถิ่นปกปิดไม่ยอมแจ้งส่วนกลางถึงการระบาดในช่วงแรก จนเป็นเหตุทำให้เชื้อแพร่กระจายไปทั่วโลกก็ตาม
ในด้านเศรษฐกิจ มีการคาดการณ์ว่าตัวเลขจีดีพีของจีนจะสูงขึ้น 8.3% ในปีนี้ ขณะที่สหรัฐฯ มีแนวโน้มจะโตขึ้นเพียง 4.1% เท่านั้น จึงเป็นไปได้ว่าการทุ่มเงินลงทุนหลักล้านล้านดอลลาร์ อาจช่วยให้จีนมีขนาดเศรษฐกิจแซงหน้าสหรัฐฯ ได้ภายในทศวรรษนี้ และก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจในโลกยุคใหม่
และเพื่อที่จะก้าวไปให้ถึงจุดนั้น จีนจำเป็นต้องโฟกัสไปที่การพัฒนาด้านเทคโนโลยี ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นความหวังหลัก โดยคาดว่ารัฐบาลจีนจะเพิ่มงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนา (Research & Development) ในสัดส่วนที่เท่ากับหรือมากกว่าสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันจัดสรรงบเพื่อใช้ในส่วนนี้ราว 3% ของจีดีพี
ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนออกมาประกาศแล้วว่า จะเน้นการพัฒนาด้านพลังงานไฮโดรเจน รถยนต์พลังงานไฟฟ้า และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ จึงคาดว่างบที่จัดสรรมาให้เพิ่มจะมีการนำไปใช้ในส่วนที่กล่าวมา