วันที่ 4 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา สำนักงานบริหารไซเบอร์สเปซแห่งจีน (The Cyberspace Administration of China) หรือ CAC ได้ประกาศแบนแอปพลิเคชั่นเรียกแท็กซี่รายใหญ่ในประเทศอย่าง Didi
โดยสั่งถอดแอป Didi ออกจากแอปสโตร์ ซึ่ง CAC ให้เหตุผลว่าแอปดังกล่าวมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ต่อลูกค้า
“เราพบว่าแอป Didi มีการรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายอย่างรุนแรง” ประกาศของหน่วยงานดังกล่าวระบุ พร้อมเรียกร้องให้ Didi แก้ไขปัญหาของแอปพลิเคชั่น เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายของประเทศและความปลอดภัยของลูกค้า
ทั้งนี้ Didi ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่มีผู้ใช้งานแบบแอคทีฟในจีนถึง 377 ล้านราย ออกมาระบุว่าบริษัทจะดำเนินการตามความต้องการของรัฐบาล ในการดึงแอปฯ ออกจากแอปสโตร์ เพื่อแก้ไขให้เป็นไปตามคำสั่งของหน่วยงานกำกับดูแล
“เราขอขอบคุณหน่วยงานดังกล่าวอย่างจริงใจ สำหรับคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาความเสี่ยงของ Didi เราจะแก้ไขปรับปรุงเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงดังกล่าว และให้บริการที่ปลอดภัยและสะดวกสบายต่อผู้ใช้ของเรา” แถลงการณ์ของบริษัทระบุ
อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจคือการประกาศแบนดังกล่าวของจีน เกิดขึ้นภายในไม่กี่วันหลังจาก Didi เปิด IPO ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กไปด้วยมูลค่า 4.3 พันล้านเหรียญ ซึ่งเป็นการเสนอขายหุ้นของบริษัทจีนที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในสหรัฐฯ นับตั้งแต่การ IPO ของอาลีบาบาในปี 2557
โดยหลังจาก Didi เปิด IPO ในวันที่ 30 มิ.ย. หลังจากนั้น 2 วัน คือในวันศุกร์ที่ 2 ก.ค. ทางการจีนก็สั่งระงับการลงทะเบียนผู้ใช้ใหม่ในแอปฯ โดยให้เหตุผลว่าเป็นการป้องกันไม่ให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ในระหว่างการตรวจสอบความปลอดภัยไซเบอร์ของบริษัท
จากนั้นในวันอาทิตย์ จีนก็ออกคำสั่งลงดาบ Didi ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการขยายการปราบปรามบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในประเทศ
โดยในเดือน มี.ค. ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการควบคุมบริษัทที่เป็น ‘แพลตฟอร์ม’ การให้บริการออนไลน์แก่ลูกค้าในประเทศ
ซึ่งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งต้องเผชิญกับการสอบสวนข้อกล่าวหาในเรื่องพฤติกรรมการผูกขาด หรือการละเมิดสิทธิ์ของลูกค้า นำไปสู่การคำสั่งลงโทษต่างๆ และยกเครื่องการดำเนินธุรกิจใหม่
โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กำหนดให้การปราบปรามด้านกฎระเบียบเป็นหนึ่งในความสำคัญสูงสุดของประเทศในปี 2564 และเรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลกลั่นกรองบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ อย่างเข้มงวดมากขึ้น
ทั้งนี้ ในเดือน เม.ย. ยักษ์ใหญ่ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ก่อตั้งโดยแจ็ค หม่า อย่างอาลีบาบา ก็ถูกสั่งปรับเป็นมูลค่าสูงถึง 2.8 พันล้านเหรียญ หลังหน่วยงานกำกับดูแลด้านการต่อต้านการผูกขาดสรุปว่าบริษัทมีพฤติกรรมเหมือนผูกขาด
ไม่กี่วันหลังจากนั้น อีกหนึ่งธุรกิจของแจ็ค หม่า อย่าง Ant Group ก็ถูกสั่งยกเครื่องการดำเนินงานให้กลายเป็นบริษัทโฮลดิ้งภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารกลางอีกด้วย
และล่าสุดในวันนี้ (5 ก.ค.) CAC ยังเดินหน้าตรวจสอบความปลอดภัยไซเบอร์บริษัทเทคโนโลยีของจีนอีก 2 ราย ซึ่งล้วนแต่เป็นบริษัทที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก คือ Full Truck Alliance (ซึ่งมี 2 บริษัทย่อยคือ Yunmanman และ Houchebang) และบริษัท Boss Zhipin ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่าผลการตรวจสอบจะออกมาเป็นอย่างไร
ที่มา:
https://edition.cnn.com/2021/07/04/tech/china-app-store-didi/index.html