SHARE

คัดลอกแล้ว

รัฐบาลจีนยังคงเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นศูนย์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีการประกาศผ่อนคลายมาตรการกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 และกำลังเตรียมการผ่อนคลายข้อบังคับเกี่ยวกับการเดินทางไปต่างประเทศของพลเมืองจีน หลังปิดประเทศมาเกือบ 3 ปี 

แม้การประกาศในครั้งนี้ จะเน้นไปยังผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเข้าไปในจีนเป็นหลัก ส่วนคนจีนที่จะเดินทางไปต่างประเทศอาจต้องรอมาตรการเพิ่มเติม แต่ปรากฏว่า คนจีนฮือฮากับประกาศนี้มาก เห็นได้จากในช่วง 7-15 นาทีหลังจากที่ทางการจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการนี้ออกมา เว็บไซต์ qunar.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ท่องเที่้ยวชื่อดังที่คนจีนนิยมใช้ ก็มีคนจีนไปค้นหาแหล่งท่องเที่ยวทันที โดยมีไทย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ติดอันดับการค้นหาเป็นปลายทางการเดินทางมากที่สุด ขณะเดียวกัน หลายสายการบินก็ประกาศเพิ่มเที่ยวบินเข้าประเทศจีนเพื่อรองรับมาตรการนี้แล้ว

สำนักข่าว TODAY จะพาไปย้อนดูว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจีนเตรียมนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ในชนิดที่พลิก 180 องศา ภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน จนทำให้มีรายงานว่า แค่ระยะเวลา 20 วัน การระบาดได้ลุกลามจนมีผู้ติดเชื้อโควิดทั่วประเทศจีนสูงถึง 250 ล้านคนแล้ว ขณะที่หลายคนมองว่า นี่เป็นการเปลี่ยนมาตรการที่รวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง จากเดิมที่เคยเข้มงวดกับการควบคุมโรคมาตลอด ซึ่งท่าทีของจีนต่อโควิด-19 ไม่ได้ส่งผลแค่กับประเทศจีนเองเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสถานการณ์โลกด้วย

24 พฤศจิกายน : ไฟไหม้อาคารซินเจียง ฟางเส้นสุดท้ายประท้วงใหญ่

มาตรการล็อกดาวน์คุมเข้มตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่รัฐบาลจีนใช้มาตลอดระยะเวลา 3 ปี ได้สร้างความลำบากให้กับชีวิตประจำวันของประชาชน จนถึงจุดที่เป็นฟางเส้นสุดท้าย เมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเมืองอุรุมชี เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ในวันที่ 24 พ.ย. ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน โดยมีการกล่าวโทษว่าเป็นเพราะข้อกำจัดต่างๆ ของมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถหนีออกมาได้ และปฏิบัติการกู้ภัยไม่สามารถดำเนินการได้เต็มที่ 

25 พฤศจิกายน-5 ธันวาคม : จีนประท้วงใหญ่หลายเมือง ต้านโควิดเป็นศูนย์

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ กลายมาเป็นชนวนโหมกระแสการแสดงอารยะขัดขืนต่อต้านนโยบายของรัฐบาลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในจีนแผ่นดินใหญ่ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อยู่ในอำนาจมานานหนึ่งทศวรรษ ชาวจีนจำนวนมากออกมาเดินขบวนประท้วงตามท้องถนนในหลายเมืองทั่วประเทศ พร้อมกับชูกระดาษเปล่าเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงการขัดขืนรัฐบาล และหลบเลี่ยงการถูกดำเนินคดี จนบานปลายกลายเป็นการประท้วงเรียกร้องให้ประธานาธิบดีลาออกจากตำแหน่ง สร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาลอย่างมาก 

7 ธันวาคม: จีนผ่อนคลายมาตรการโควิดครั้งใหญ่

หลังการประท้วงใหญ่ดำเนินมาเกือบ 2 สัปดาห์ รัฐบาลจีนได้ออกมาประกาศผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดภายใต้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ครั้งใหญ่ ยกเลิกปูพรมตรวจหาเชื้อวงกว้าง อนุญาตให้ผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยหรือไม่แสดงอาการ กักตัวอยู่ที่บ้านแทนการกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ รวมถึงการลดขอบเขตและระยะเวลาปิดพื้นที่ล็อกดาวน์ แม้รัฐบาลจะไม่ได้เอ่ยถึงผู้ประท้วงโดยตรง แต่หลายฝ่ายมองว่าการผ่อนคลายมาตรการครั้งนี้อาจมาจากกระแสกดดันของประชาชน  

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจำนวนมากได้ออกมาแสดงความกังวลว่าการตัดสินใจคลายข้อบังคับอย่างกะทันหัน โดยไม่ได้เตรียมการรับมือไว้ดีพอ อัตราการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงยังไม่ครอบคลุม จะทำให้มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจำนวนมากอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบอย่างหนักต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ โดยมีการประเมินว่าชาวจีนอาจติดเชื้อโควิด-19 มากถึง 60% ของประชากรทั่วประเทศ และผู้เสียชีวิตอาจสูงถึง 2 ล้านราย

1-20 ธันวาคม : คาดมีผู้ติดเชื้อโควิด 250 ล้านราย

การผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ทำให้จีนกลายมาเป็นจุดสนใจของทั่วโลกเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคำเตือนถึงจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่จะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับตัวเลขที่มีการเปิดเผยออกมาจากทางการว่าอาจมีการปกปิด หรือไม่ครบถ้วน เนื่องจากข้อมูลที่รัฐบาลจีนนำออกมาเปิดเผย นับตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันที่มีการผ่อนคลายมาตรการวันแรก มีการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ที่วันละหลักพันราย และแทบจะไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตออกมาเลย 

อย่างไรก็ตาม มีการเปิดข้อมูลซึ่งถูกอ้างว่าเป็นเอกสารภายในจากหน่วยงานสาธารณสุขของจีน ชี้ว่า ในช่วง 20 วันแรกของเดือน ธ.ค. พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนแล้วราว 248 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 18% ของประชากรทั้งประเทศ อีกทั้งยังมีการพูดถึงจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันในวันที่ 20 ธ.ค. โดยคาดว่าสูงถึง 37 ล้านคนในวันเดียว ซึ่งขัดแย้งอย่างมากกับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ทางการจีนประกาศต่อสาธารณะในวันเดียวกันว่าอยู่ที่ 3,049 รายเท่านั้น

26 ธันวาคม : ประกาศเปิดประเทศจีน 8 มกราคม 2566

ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากรัฐบาลจีนเมื่อวานนี้ (26 ธ.ค.) ถือเป็นการปรับแผนครั้งใหญ่จากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ มาสู่การปรับตัวและอยู่ร่วมกับเชื้อไวรัส โดยมีการประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศ เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2566 เป็นต้นไป และเตรียมอนุญาตให้ชาวจีนเริ่มเดินทางออกนอกประเทศ หลังปิดประเทศมานาน 3 ปี 

ส่วนสถานการณ์ในประเทศจีนเอง ดูเหมือนว่าผู้คนจะรับรู้ได้ถึงการระบาดระลอกใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ก็ดูเหมือนจะมีคนจีนเริ่มออกเดินทางไปทำงาน และใช้ชีวิตตามปกติ เหมือนจะพยายามอยู่กับโควิด-19 มากขึ้น เห็นได้จากปริมาณผู้คนที่ใช้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะในหลายพื้นที่เริ่มกลับมาแน่นอีกครั้ง

สำนักข่าวซินหัว สื่อของทางการจีนรายงานว่า ทางการจีนได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับมาตรการโควิด-19 ในช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีนให้ราบรื่น โดยระบุว่า ควรให้ความสำคัญกับประชาชนและชีวิตมนุษย์เหนือสิ่งอื่นใด ตลอดจนปรับใช้แนวทางตามหลักวิทยาศาสตร์และมาตรการแบบมุ่งเป้า พร้อมตระเตรียมการตอบสนองความต้องการการรักษาทางการแพทย์ โดยเฉพาะผู้ป่วยอาการหนัก เพื่อรับรองการรักษาตามลำดับปกติ

ทางการท้องถิ่นและหน่วยงานรัฐควรดำเนินมาตรการรับมือโรคโควิด-19 ในสถานที่ องค์กร และกลุ่มประชากรสำคัญอย่างจริงจัง เพื่อลดผลกระทบต่อการผลิตและวิถีชีวิตของประชาชน พร้อมเพิ่มความพยายามชี้แนะผู้ป่วยรับการรักษาแบบแบ่งกลุ่ม แบ่งระดับ และแบบส่งต่อ รวมถึงการให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยที่รักษาตัวในบ้าน

นอกจากนี้ ทางการจีนยังเสนอแนวทางให้ผู้ประกอบการและองค์กรอนุญาตลูกจ้างลาหยุดแบบไม่ทับซ้อนกันตามข้อกำหนดขององค์กรและความต้องการของพนักงาน ด้านโรงเรียนสามารถเริ่มใช้กำหนดการวันหยุดแบบไม่ทับซ้อนกัน เพื่อเกื้อหนุนการเดินทางแบบเหลื่อมเวลาของนักเรียน

โดยเมื่อวานนี้ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ระบุถึงการจัดการโควิด-19 ของจีน โดยนิยามว่ากำลังเผชิญสถานการณ์และพันธกิจใหม่ ขณะที่นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนเสริมว่า รัฐบาลทุกระดับควรเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่า รับรองการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และเวชภัณฑ์ป้องกันโรคระบาดของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนปกป้องคุ้มครองชีวิตและสุขภาพของประชาชน

ท่าทีของผู้นำจีนล่าสุดเกิดขึ้นหลังมีรายงานจำนวนผู้ป่วยครองเตียงในโรงพยาบาล โดยเฉพาะผู้ป่วยไอซียูเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว ขณะเดียวกันก็มีคนเข้าไปขอรับการรักษาในคลินิกเฉพาะกิจสำหรับผู้มีอาการไข้เพิ่มสูงมาก หลังจีนผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นศูนย์

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า