จีนประกาศยุติซ้อมรบรอบไต้หวัน แต่ยังลาดตระเวนตามปกติ ย้ำยังมุ่งมั่นรวมชาติอย่างสันติ

จีนประกาศยุติการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวัน แต่ยืนยันปฏิบัติการลาดตระเวนยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ ย้ำความมุ่งมั่นในการรวมชาติยุคใหม่ด้วยสันติวิธี ภายใต้หลักการ ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โฆษกกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนแถลงว่า ปฏิบัติการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว หลังเปิดฉากซ้อมรบด้วยกระสุนจริงมา 1 สัปดาห์ ตอบโต้กรณีที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางเยือนไทเปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม กองทัพจีนระบุว่า จะดำเนินการลาดตระเวนบริเวณเกาะไต้หวัน และจับตาความเคลื่อนไหวในช่องแคบไต้หวัน เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ

ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมไต้หวัน ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อถ้อยแถลงของกองทัพจีน โดยระบุว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจีนจะเดินหน้ากดดันไต้หวันต่อไป และทางไต้หวันก็จะปรับการจัดสรรกำลังพลอย่างเต็มที่เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้น

โดย ริดซวาน ราห์มัต นักวิเคราะห์จากบริษัทข่าวกรองด้านการทหาร Janes ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า ถ้อยแถลงของกองทัพจีนส่งสัญญาณว่าจีนจะยังคงส่งกำลังพลประจำการอยู่บริเวณช่องแคบไต้หวันต่อไป เพื่อสร้างแรงกดดันต่อไต้หวัน ซึ่งเป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะทำการฝึกแบบไม่เข้มข้น อย่างเช่น การลาดตระเวนทางทะเล การค้นหา และการกู้ภัย รวมถึงการซ้อมรบทางเรือโดยไม่ใช้กระสุนจริง

ขณะเดียวกัน เมื่อวันพุธ (10 ส.ค.) สำนักงานกิจการไต้หวันแห่งคณะมุขมนตรีจีน และสำนักงานสารสนเทศคณะรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เผยแพร่สมุดปกขาวเกี่ยวกับประเด็นเรื่องไต้หวันในชื่อ “ปัญหาไต้หวันและการรวมชาติจีนแห่งยุคใหม่” (The Taiwan Question and China’s Reunification in the New Era)

ใจความในสมุดปกขาวที่ได้รับการเผยแพร่ออกมาล่าสุดได้มีการเน้นย้ำว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนมาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ยุคโบราณ และจีนก็ยังคงมีความมุ่งมั่นในการรวมชาติอย่างสันติ ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะใช้กำลังหากมองเห็นว่ามีความจำเป็น

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาในสมุดปกขาวฉบับล่าสุดได้ถูกตั้งข้อสังเกตว่า มีการตัดประเด็นซึ่งก่อนหน้านี้จีนเคยระบุในสมุดปกขาวเกี่ยวกับไต้หวันในปี 2536 และ 2543 ว่า รัฐบาลจีนจะไม่ส่งทหารหรือฝ่ายบริหารเข้าไปประจำการในไต้หวันภายหลังจากการรวมชาติออกไป โดยถ้อยคำดังกล่าวได้เคยถูกระบุไว้เพื่อรับประกันว่าไต้หวันจะสามารถปกครองตนเองได้ในฐานะเขตปกครองพิเศษของจีน

นอกจากนี้ ประเด็นในเรื่องที่ว่า “ทุกอย่างสามารถเจรจาได้ ตราบใดที่ไต้หวันให้การยอมรับในหลักการจีนเดียว และไม่แสวงหาความเป็นเอกราช” ซึ่งเคยระบุไว้ในสมุดปกขาวฉบับปี 2543 ก็ได้ถูกตัดออก ไม่มีปรากฏในสมุดปกขาวฉบับล่าสุดนี้เช่นเดียวกัน

ที่ผ่านมา พรรคคอมมิวนิสต์จีนยื่นข้อเสนอให้ไต้หวันกลับเข้ามาอยู่ภายใต้การปกครองของแผ่นดินใหญ่ ภายใต้หลักการ ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ ในลักษณะเดียวกับที่จีนแผ่นดินใหญ่ใช้กับฮ่องกงภายหลังได้รับคืนมาจากอังกฤษเมื่อปี 2540 แต่จะให้อิสระมากกว่า โดยไต้หวันสามารถปกครองตนเองได้ต่อไป รวมถึงยังคงระบอบประชาธิปไตยไว้ได้ เพื่อรักษาระบบสังคมและการเมืองของไต้หวันไว้บางส่วน

ขณะที่พรรคการเมืองไต้หวันได้ปฏิเสธข้อเสนอ ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ เช่นเดียวกันผลสำรวจความคิดเห็นของชาวไต้หวันทั่วไป ซึ่งระบุว่า ชาวไต้หวันเท่านั้นที่มีสิทธิ์กำหนดอนาคตของพวกเขาได้

ทางด้านสภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวันได้ออกแถลงการณ์ประณามสมุดปกขาวฉบับล่าสุดของจีนว่า เต็มไปด้วยถ้อยคำโกหกที่เป็นความปรารถนาของตนเอง และเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริง ไม่ยอมรับความเป็นเอกราชของสาธารณรัฐจีน ซึ่งเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของไต้หวัน

สภากิจการแผ่นดินใหญ่ยังระบุในถ้อยแถลงด้วยว่า ประชาชนชาวไต้หวันทั้ง 23 ล้านคนมีสิทธิ์ที่จะกำหนดอนาคตของไต้หวัน และพวกเขาก็ไม่เคยยอมรับผลลัพธ์ที่ถูกยัดเยียดให้โดยรัฐบาลเผด็จการ