ชาวจีนฉีดวัคซีน 2 เข็มครบพันล้าน สัดส่วนกว่า 70% ของประชากร ยังคุมเข้มเพื่อลดการระบาด

จีนประสบความสำเร็จในการฉีดวัคซีนครบ 70% ของประชากร แต่ยังใช้มาตรการเข้มข้นเพื่อควบคุมการระบาดอยู่

วันที่ 16 ก.ย. 2564 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า จีนทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชากรครบโดสแล้วกว่า 1 พันล้านคน หรือเทียบเป็นสัดส่วนสูงกว่า 70% ของประชากรทั้งหมด แต่จะยังเลือกใช้มาตรการคุมเข้มต่อไป

ข้อมูลจาก หมี่ เฟ็ง โฆษกคณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติของจีน ณ วันที่ 15 ก.ย. เผยว่า จีนได้ระดมฉีดวัคซีนไปแล้วทั้งหมด 2.16 พันล้านโดส โดยมีผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มมากกว่า 1.01 พันล้านคน

นับเป็นเวลาเกือบ 10 เดือนแล้ว ที่จีนอนุมัติให้มีการใช้วัคซีนเชื้อตายของซิโนฟาร์ม (Sinopharm) เป็นวัคซีนตัวแรก จากนั้นได้มีการอนุมัติวัคซีนที่ผลิตในประเทศเพิ่มอีก 6 ตัว สำหรับใช้ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป

หากเทียบกับชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจประเทศอื่นๆ แล้ว ชาติที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสได้ใกล้เคียงกับจีนมากที่สุดคือสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส ที่ฉีดเกิน 60% ของประชากรไปแล้ว ขณะที่สหรัฐฯ และญี่ปุ่นฉีดได้เกิน 50% ส่วนอินเดียที่เจอเชื้อเดลตาเล่นงานเป็นประเทศแรกๆ ยังฉีดได้เพียง 15% เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีการตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของวัคซีนที่ใช้งานในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับเชื้อกลายพันธุ์ตัวใหม่ๆ อย่างเช่น สายพันธุ์เดลตา ที่อาจส่งผลทำให้ภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากวัคซีนเหล่านี้ไม่เพียงพอต่อการรับมือกับเชื้อที่มีความรุนแรงมากขึ้น

การมาถึงของเชื้อเดลตา ทำให้ความหวังที่จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ดูจะเป็นไปได้ยากขึ้น ทำให้หลายประเทศต่างหันมาผ่อนคลายมาตรการเพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันกับโรคนี้ 

แต่สำหรับจีนแล้ว พวกเขายังยึดมั่นกับมาตรการเดิม คือการตรวจจับการระบาดตั้งแต่เนิ่นๆ ระดมตรวจหาเชื้อเป็นวงกว้าง และพร้อมที่จะล็อกดาวน์เพื่อหยุดการแพร่ระบาดในทันที โดยมองว่าวิธีนี้จะยังทำให้เศรษฐกิจโดยรวมเติบโตได้ 

ในช่วงที่ผ่านมา แม้ทางการจะคุมเข้มจนดูเหมือนว่าจะควบคุมการระบาดได้แล้ว จากนั้นไม่นานก็จะมีคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้นอีก แต่หลายคนยังได้รับการป้องกันจากวัคซีนที่ฉีดไป จนทำให้ไม่เกิดการป่วยหนักตามมา