SHARE

คัดลอกแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญห่วงจีนรีบยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19 เข้มงวด ในขณะที่ระบบสาธารณสุขยังไม่พร้อม ประชากรกลุ่มเปราะบางยังได้รับวัคซีนไม่เพียงพอ รัฐบาลไม่ยอมรับ mRNA ที่พัฒนาโดยต่างชาติ อาจทำให้มีผู้เสียชีวิตแตะหลักล้านคน 

รัฐบาลจีนมีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เกี่ยวกับนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปี ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนจำนวนมากที่ต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดเข้มงวดที่กระทบต่อชีวิตประจำวัน จนบานปลายกลายเป็นการประท้วงใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ 

วันนี้ (7 ธ.ค.) คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ได้ประกาศผ่อนปรนการบังคับใช้มาตรการควบคุมโควิด-19 บางส่วน รวมถึงการให้ผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการและผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงกักตัวที่บ้านแทนการกักตัวในสถานที่ที่ภาครัฐจัดเตรียมไว้ให้, ลดความถี่และขอบเขตการตรวจ PCR ในสถานที่สาธารณะส่วนใหญ่ ยกเว้นโรงเรียนและโรงพยาบาล, คลายข้อกำหนดล็อกดาวน์ในสถานที่ต่างๆ ให้มีเป้าหมายชัดเจนมากขึ้นแทนที่จะเหมารวมทั้งพื้นที่ และเร่งฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ 

แม้การประกาศดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นสัญญาณดี และถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่จีนยอมตัดสินใจเปลี่ยนแปลงนโยบายควบคุมโควิด-19 อย่างชัดเจน ทั้งยังสร้างความโล่งใจให้กับคนจำนวนมากที่รู้สึกอึดอัดกับการดำรงชีวิตที่ผิดไปจากปกติมาเป็นเวลานาน ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทั้งหลายได้ออกมาแสดงความกังวลถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในจีนต่อจากนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีคำถามเกิดขึ้นมาว่า 

จีนมีความพร้อมแค่ไหนที่จะรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต? 

ซี เฉิน รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเยลได้ตั้งข้อสังเกตกับซีเอ็นเอ็นว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลจีนในครั้งนี้ถูกเร่งให้เกิดเร็วขึ้นเนื่องจากความไม่พอใจของประชาชน ดังนั้นจึงอาจจะไม่ใช่ผลดี โดยอธิบายว่า “มีวิกฤตปรากฏขึ้นรางๆ นี่เป็นเวลาที่เลวร้ายจริงๆ จีนต้องผ่อนคลายมาตรการหลายอย่างในช่วงฤดูหนาวที่เป็นฤดูระบาดของไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้”

ความคิดเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับคำพูดของ วิลเลียม ชาฟฟ์เนอร์ ศาสตราจารย์ด้านโรคติดเชื้อที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลต์ในสหรัฐฯ ที่ระบุว่า จีนดำเนินนโยบายนี้มาเป็นเวลานาน และตอนนี้พวกเขาก็กำลังอยู่ระหว่างกำแพงและก้อนหิน 

“พวกเขาไม่มีตัวเลือกที่ดีในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอีกต่อไป พวกเขามีความหวังว่าแม้โรคระบาดจะยังคงดำเนินอยู่ทั่วโลก พวกเขาจะสามารถอยู่รอดต่อไปได้โดยไม่ได้รับผลกระทบ แต่ความหวังนั่นยังไม่เกิดขึ้นจริง” ศาสตราจารย์ชาฟฟ์เนอร์กล่าว 

ที่ผ่านมา นโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน ซึ่งใช้กลยุทธ์ปูพรมตรวจทดสอบเชื้อ สั่งล็อกดาวน์ และกักกันโรคอย่างเข้มงวด ต้องเผชิญกับคำถามและคำเตือนถึงความไม่ยั่งยืนมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ทั่วโลกเริ่มมีการรณรงค์ให้ฉีดวัคซีน และเกิดการอุบัติขึ้นของไวรัสสายพันธ์ุโอไมครอน แต่ทางการจีนยังคงยึดมั่นในยุทธศาสตร์ของตนเองโดยให้เหตุผลว่า เป็นการรักษาชีวิตของประชาชนไว้ให้มากที่สุด ทำให้การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในครั้งนี้ สร้างความกังวลขึ้นมาว่า อาจเกิดขึ้นก่อนที่สาธารณสุขของจีนจะมีความพร้อมเท่าที่ควร 

เหล่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจากทั่วโลกมองว่า หากการผ่อนปรนนโยบายควบคุมการระบาดของจีน ทำให้ไวรัสกระจายไปทั่วประเทศ แม้จะไม่สามารถระบุได้ว่าจะรวดเร็วมากน้อยเพียงใด แต่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับจีน ซึ่งตอนนี้มีผู้เสียชีวิตที่มีการรายงานอย่างเป็นทางการ 5,235 คน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก 

ก่อนหน้านี้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟูตันในเซี่ยงไฮ้เคยสร้างแบบจำลองการระบาดของโควิด-19 ในจีน ซึ่งมีการเผยแพร่อยู่ในวารสารการแพทย์ เนเจอร์ เมดิซีน (Nature Medicine) เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา มีการคาดการณ์ไว้ว่า หากจีนยกเลิกข้อจำกัดคุมโควิด-19 เข้มงวด ในช่วงที่ยังไม่มีการใช้ยาต้านไวรัสในจีน อาจทำให้มีชาวจีนเสียชีวิตมากกว่า 1.5 ล้านคน ภายในเวลา 6 เดือน

แต่หากมีการฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุได้อย่างครอบคลุม และขยายการใช้ยาต้านไวรัสได้เป็นวงกว้าง อัตราการเสียชีวิตอาจลดลงไปอยู่ในระดับใกล้เคียงกับการเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดตามฤดูกาล 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาของจีนในตอนนี้ อยู่ที่อัตราการฉีดวัคซีน ซึ่งแม้หากมองในภาพรวมจะดูว่าอยู่ในระดับสูง แต่หากมองลึกลงไป ผู้สูงอายุในจีนยังคงมีสัดส่วนการได้รับวัคซีนน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่ให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุจนบางประเทศเริ่มที่จะฉีดเข็ม 4 หรือเข็ม 5 กันแล้ว

โดยข้อมูลล่าสุดจากทางการจีน ณ วันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา มีประชากรจีนอายุมากกว่า 60 ปีได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้วมากกว่า 86% แต่ยังมีผู้สูงอายุอีกมากกว่า 45 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น และประมาณ 25 ล้านคน ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว ขณะที่ประชากรอายุ 80 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุด ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วราว 60% และมีเพียง 40% ของประชากรกลุ่มดังกล่าวที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว  

ยิ่งไปกว่านั้น วัคซีนเข็มกระตุ้นที่จีนนำมาฉีดให้กับประชาชน ยังเป็นวัคซีนเชื้อตายที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายภายในประเทศ เนื่องจากปัจจุบันจีนยังคงไม่อนุมัติให้มีการใช้งานวัคซีน mRNA ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นวัคซีนชนิดที่มีการตอบสนองต่อไวรัสมากกว่าวัคซีนเชื้อตาย ยิ่งสร้างความกังวลว่าวัคซีนที่ชาวจีนส่วนใหญ่ได้รับจะมีความสามารถในการป้องกันโรคได้เพียงพอและทันเวลาหรือไม่กับการเปลี่ยนแปลงนโยบายกะทันหันเช่นนี้

 

ที่มา: 

https://edition.cnn.com/2022/12/07/china/china-covid-restrictions-explainer-intl-hnk/index.html

https://edition.cnn.com/2022/12/06/china/china-zero-covid-relaxation-crisis-intl-hnk-mic/index.html

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า