SHARE

คัดลอกแล้ว

ขายของแข่งกับจีนว่าเหนื่อยแล้ว ตั้งแต่ต้นทุนที่จีนถูกกว่า เพราะสามารถผลิตได้ทีละมากๆ จนต้องระบายออกมาส่งขายนอกประเทศ จนกระทบผู้ประกอบการไทยและภาคการผลิตขนาดกลางขนาดเล็กที่ตั้งหลักสู้แทบจะไม่ไหว

กระนั้นผู้ประกอบการไทยก็ได้รับคำแนะนำจากกระทรวงพาณิชย์ให้ลองปรับตัวดูกลยุทธ์ อีคอมเมิร์ซจากจีนมาเทียบใช้ในไทย ซึ่งตอนนี้วงการอีคอมเมิร์ซในจีนก็สู้และแข่งขันกันโหดเอาการ นอกจากออกแคมเปญล่อตาล่อใจ และมีช่วงโปรโมชั่น ที่แต่ละแพลทฟอร์มอีคอมเมิร์ซออกมาแข่งกันลดราคา กดโค้ดส่วนลดกันฉ่ำ เน้นดึงดูดให้ลูกค้ายังอยู่กับแพลตฟอร์มแล้ว มีการปรับกลยุทธ์แข่งส่งไวส่งด่วนใน 1 ชั่วโมง บางระยะทางส่งไวใน 9 นาที ด้วยบิซิเนสโมเดลที่วางโลเคชั่นมีคลังสินค้าใกล้ๆ ทำให้ส่งไวถึงมือลูกค้าได้ง่าย 

ตอนนี้ในจีนกระแสความนิยมส่งเร็ว กำลังถูกใจผู้บริโภค โดยแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน อย่าง JD.com, Taobao และ Meituan ต่างได้ปรับกลยุทธ์การแข่งขันทางธุรกิจใหม่ เน้นการจัดส่งด่วน เพื่อตอบสนองความต้องการการบริโภคในทุกช่วงเวลาของชาวจีน จึงมีโหมดใหม่เรียกว่าโหมดการจัดส่งภายใน 1 ชั่วโมง (Instand Delivery) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวจีนอย่างมาก

เพราะจากผลสำรวจพบว่า 75% ของคนจีนสั่งของแล้วอยากได้รับเลยภายใน 1 วัน ไม่ต้องรอสินค้า 2-3 วัน ทำให้รูปแบบการค้านี้เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในจีน และสินค้าที่ถูกอยู่แล้ว มาพร้อมกับส่งฟรีส่งไวอีกคงถูกใจลูกค้าไม่น้อย 

ที่น่ากลัวคือ โมเดลนี้เริ่มไม่ได้อยู่ในประเทศจีนอย่างเดียวแล้ว แต่อีคอมเมิร์ซของจีนที่กำลังตีตลาดไปทั่วโลกก็กำลังกระจายโมเดลนี้ไปด้วยเช่นกัน หรือทำความเข้าใจง่ายๆ ว่า ขยายพื้นที่ธุรกิจใหม่ คลังสินค้า โมเดลส่งไว การแข่งขันดุเดือดตามไปด้วย และ ‘ไทย’ ก็กำลังเป็นหนึ่งในประเทศที่อีคอมเมิร์ซจีนกำลังเข้ามาตีตลาด โดยรายล่าสุด คือ Temu ที่เข้าตลาดมาแบบเงียบๆ แต่ปล่อยโปรโมชั่นส่วนลดสูงสุดถึง 90% เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่

[ Temu อีคอมเมิร์ซจีนตีตลาดสหรัฐฯ ได้ ด้วยการให้พ่อค้าแม่ค้ามาช่วยกันลดราคา ]

ต้องเล่าแบบนี้ว่า Temu อีคอมเมิร์ซจีนเจ้าของเดียวกับ Pinduoduo ที่เป็นอีคอมเมิร์ซเบอร์ 3 ของโลก มีตลาดลูกค้าหลักคือสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป โดย Temu ได้สร้างมาตรฐานความน่ากลัวของอีคอมเมิร์ซไว้อย่างมาก เพราะในปี 2565 ที่แพลตฟอร์มเข้าไปเปิดในสหรัฐอเมริกาก็สามารถตีตลาดสหรัฐฯ ที่มีเจ้าถิ่นอย่าง Amazon ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว 

ในสหรัฐอเมริกา Temu  ได้พยายามรับสมัครพ่อค้าแม่ค้าบน Amazon ที่จะเก็บสินค้าไว้ในคลังสินค้าที่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปให้เข้าสู่แพลตฟอร์ม และเชิญชวนให้พ่อค้าแม่ค้ามาลดราคาสินค้ากันให้มากที่สุด โดยที่ตัวเองก็จะลดราคาค่าคอมให้พ่อค้าแม่ค้าด้วย ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้บริษัทไม่ต้องเผชิญเรื่องภาษีนำเข้าจากจีนที่มีค่อนข้างสูง แพลตฟอร์มสามารถขายของได้ถูกลงไป

นอกจากนี้ เมื่อพ่อค้าแม่ค้าย้ายมา คลังสินค้าก็ยิ่งอยู่ใกล้ตัวเข้าไปอีก Temu ก็เตรียมแผนการจัดส่งที่จะถึงมือภายใน 1 วันเข้าไปด้วย รวมถึงถ้าหากสินค้ามีปัญหาแพลคฟอร์มก็ยินดีเปลี่ยนสินค้าฟรี ส่งฟรี ยิ่งถูกใจผู้บริโภคเข้าไปกันใหญ่ 

มากไปกว่านั้น ถ้าสินค้าในคลังไม่หมด Temu ก็ยินดีที่จะชิปสินค้าเหล่านั้นกลับไปยังประเทศจีนเพื่อกระจายต่อให้ลูกค้าในจีนด้วยราคาถูก และนี่ยังไม่รวมสินค้าที่ Temu พยายามนำเข้ามาเก็บไว้ในคลังที่สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป เชิญชวนให้พ่อค้าแม่ค้าในจีนเข้ามาขายกันให้มากขึ้น สต๊อกสินค้าในคลังของแพลตฟอร์ม 

[ ดึงพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาขายมากไป เริ่มมีซัพพลายตีกันเอง ]

มากไปกว่านั้น ในช่วงพีคๆ บางพ่อค้าบน Temu เผยว่ามีออเดอร์สูงถึง 30,000 ถึง 50,000 ออเดอร์ต่อวันเลยทีเดียว ทำให้ใครๆ ก็อยากลองขายสินค้าบน Temu 

แต่ปัจจุบัน Temu เริ่มเจอดราม่าจากพ่อค้าแม่ค้าจำนวนออเดอร์กำลังลดลงเรื่อยๆ เหลือราวๆ 3,000 ออเดอร์ต่อวันเท่านั้น เพราะ Temu พยายามเชิญชวนให้ทุกคนมาขายสินค้าบนแพลตฟอร์มมากเกินไป ทำให้พวกพ่อค้าแม่ค้าเริ่มกังวล เพราะเหมือนดึงดูดซัพพลายเออร์ให้เข้ามาแข่งขันกันเอง

[ ไทย ตลาดใหม่ที่ Temu เข้ามาตีเงียบๆ ]

อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยตลาดต่อไปของ Temu ก็น่ากลัวไม่น้อย เพราะ Temu นั้นมาแบบเงียบๆ ถ้าไม่เห็นผ่านๆ ตาจากข่าวคงไม่ทราบเลยก็ว่าได้ แต่แน่นอนว่าการเข้ามาของ Temu นั้นไม่ธรรมดา เพราะอย่างที่เล่าไปว่า ถูก ส่งฟรี เคลมฟรี ค่าคอมถูก เรียกได้ว่าทุกฝ่ายได้รับประโยชน์กันแบบเต็มๆ

ซึ่งถ้าหากจะให้เห็นภาพชัดๆ ว่า  Temu เข้ามาไทยแล้วจะเป็นอย่างไร?

คำตอบเรื่องนี้ก็คงคล้ายๆ กับก่อนหน้าที่ Temu เปิดตัวในมาเลเซียและฟิลิปปินส์ โดยแค่เริ่มก็ดึงดูดนักช้อปด้วยโปรโมชั่นส่วนลดสูงสุดถึง 90% และค่าธรรมเนียมจัดส่งที่คิดราคาน้อยมาก รวมทั้งฟรีสำหรับนักช้อปหน้าใหม่นั่นเอง

เรื่องนี้ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความเป็นห่วงต่อกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและ ผู้ค้ารายย่อยของไทยอีกครั้งว่า สินค้าราคาถูกจากจีนยังคงทะลักเข้ามาขายในไทยอย่างต่อเนื่อง และเมื่อขาใหญ่ในจีนอีกเจ้าอย่าง Temu มาเปิดขายสินค้าออนไลน์ในไทย ยิ่งน่าห่วงว่า เราจะรับมือกับเรื่องนี้ได้ไหวแค่ไหน

ขณะที่ในทางธุรกิจอีคอมเมิร์ซแล้ว Temu จะเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดนี้แข่งกับเจ้าตลาดในไทยทั้ง Shopee, Lazada และ Tiktok Shop ทำให้ศึกอีคอมเมิร์ซในไทยจะระอุหนักขึ้นมากอีกครั้ง แต่ด้านหนึ่งก็จะกระทบต่อผู้ประกอบการและธุรกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน

แต่ถึงอย่างนั้นท่าไม้ตายเดียวที่ไทยมีเพื่อจัดการสินค้าจากจีนที่ล้นตลาด คงหนีไม่พ้นเรื่องการเก็บภาษีนำเข้า (Vat)  7% ในสินค้าที่มีราคาเกิน 1,500 บาทเท่านั้น ทางกลับกันภาษีจากสินค้านำเข้ายังอยู่ในช่วงสุ่มตรวจบางกล่องก็รอดบางกล่องก็ไม่รอด ยิ่งถ้าหากมีการเข้ามาของคลังสินค้าจากจีน การแข่งขันอีคอมเมิร์ซไทยคงไม่ง่ายแล้วล่ะ..

แล้วคุณล่ะ คิดว่าสงครามการแข่งขันของตลาดอีคอมเมิร์ซไทยจะเดือดขนาดไหน?

ที่มา

        • https://www.ft.com/content/5a562326-df49-433d-8e8b-d015a55c46bb

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า