‘เศรษฐา’ โอด ขอความเป็นธรรม ยันไม่ได้สั่งให้ตำรวจจีน เดินบนถนนไทย
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 13 พ.ย. 66 ที่รร.เดอะริทซ์ คาร์ลตันนครซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ (เวลาท้องถิ่นซานฟรานซิสโก ช้ากว่ากรุงเทพฯ15 ชั่วโมง )นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณี น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท. )ระบุรัฐบาลมีแนวคิดให้ตำรวจจีน ลาดตระเวนเมืองท่องเที่ยวหลักและเมืองรองว่า เรื่องนี้ถึงอย่างไรตำรวจไทยต้องเป็นคนดูแล แต่ถ้ามีความร่วมมือเกิดขึ้นในแง่ของการประสานข้อมูลกับทางตำรวจจีน เชื่อว่า จะให้ความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่า มีตำรวจจีนมาเดินบนถนนเมืองไทย เรื่องนี้คงเป็นการสื่อสารที่มีความผิดพลาดมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางผู้ว่าฯ ททท. อ้างว่าเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากที่นายกฯ เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มีข้อสั่งการหรือพูดคุยในเรื่องนี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าต้องมีตำรวจจีนมาอยู่ที่เมืองไทย แต่เป็นการหารือที่ทั้ง 2 หน่วยงาน คือสถาบันตำรวจ ที่ต้องพูดคุย เพราะทุกคนกลัวเรื่องจีนสีเทา และเรื่องที่คนจีนมาทำอะไรผิดกฎหมายกับคนจีนในเมืองไทย จึงต้องมีการประสานเรื่องข้อมูลให้ชัดเจน อย่าให้เกิดความสับสน และหากมีอาชญากรรมเกิดขึ้นจะได้จัดการได้ทันที
เมื่อถามย้ำว่า นายกฯ ไม่ได้สั่งให้ประสานกับทางจีนในเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายกฯส่ายหน้า และกล่าวว่า “ไม่ได้สั่งเลยครับ ไม่มีการสั่งครับ เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับผม ใครจะไปสั่ง ผมไม่เคยพูดว่าต้องเอาตำรวจจีนมากี่คนๆ”
เมื่อถามว่าเรื่องนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเรื่องอธิปไตยของไทย ทำไมต้องเอาจีนเข้ามา นายเศรษฐา กล่าวย้ำว่า ไม่เคยมี ไม่เคยพูด ถามคนใกล้ชิดตนได้ว่า ไม่เคยมี เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมด้วยเหมือนกัน เพราะไม่ใช่
[รมว.ท่องเที่ยวฯ ย้ำ ไม่มีมาตรการให้ตำรวจจีนมาลาดตระเวนในไทย]
น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงกรณีที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เสนอมาตราการให้มีตำรวจจีนเข้าดูแลนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยว่า ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไม่ได้มีมาตราการที่จะนำตำรวจจีนมาร่วมดูแลนักท่องเที่ยวจีนร่วมกับตำรวจไทย และความจริงแล้ว ททท. ได้มีหลายแนวทางในการหาทางสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวจีน แต่ไม่ได้มีมาตรการให้ตำรวจจีนร่วมลาดตระเวน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เพราะก่อนหน้านี้เกิดเหตุกับนักท่องเที่ยวจีน จึงเป็นแนวคิดของ ททท. ผุดไอเดียนี้ขึ้นมาใช่หรือไม่ น.ส.สุดาวรรณ มองว่า อาจจะมีแนวทางของประเทศอื่น แต่ยืนยันว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไม่ได้มีมาตรการในเรื่องดังกล่าว ซึ่งการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจีนนั้น มีได้หลายแนวทาง
น.ส.สุดาวรรณ ยังย้ำว่า ศักยภาพของตำรวจไทยมีมากอยู่แล้ว ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจท่องเที่ยวที่ทำงานกันอย่างหนัก และเชื่อว่า จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวได้ และจะไม่ส่งผลกระทบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมถึงขณะนี้ตำรวจท่องเที่ยว ได้จัดกำลังเข้าไปดูแลในสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวอยู่จำนวนมาก ทั้งวัดพระแก้ว รวมถึงท่าเรือต่างๆ
[ททท. ขออภัย-สื่อสารผิดพลาด]
ขณะที่ มติชนออนไลน์ รายงานการให้สัมภาษณ์ล่าสุดของ น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่า ททท. กล่าวว่า แนวคิดการนำตำรวจจีนเข้ามาช่วยลาดตระเวนตามจังหวัดท่องเที่ยวหลักที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจีนของไทยนั้น ขณะนี้ได้ยกเลิกแนวคิดโครงการดังกล่าวแล้ว แม้มีการสื่อสารสู่สาธารณะออกไป เนื่องจากชื่อโครงการที่มีคำว่าลาดตระเวน ทำให้มีเสียงสะท้อนในสังคมเกิดขึ้นหลากหลายมุมจนกลายเป็นกระแสเชิงลบออกมา โดยข้อเท็จจริงนั้นโครงการนี้ยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งขอน้อมรับทุกเสียงสะท้อนจากทุกคน พร้อมทั้งขออภัยที่ทำให้เกิดความเข้าใจไม่ตรงกันด้วย