บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาระดับโลก ‘การ์ทเนอร์’ เปิดอินไซต์อุตสาหกรรมผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ พบว่ามีรายได้ทั่วโลกในปี 2567 รวมอยู่ที่ 6.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และเติบโตสูงถึง 18%
โดยพบว่าผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ 9 รายจาก 10 อันดับแรกมีรายได้เติบโตเป็นบวกเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ขณะที่ถ้ามาดู Top 10 บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ คือ บริษัท Samsung Electronics กลับมาครองอันดับ 1 แทน Intel ส่วน NVIDIA ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 3
โดย Samsung Electronics อยู่อันดับหนึ่งทั้งในแง่ของมาร์เก็ตแชร์ และรายได้ และค่อนข้างทิ้งห่างจากอันดับสอง คือ Intel
ตอนนี้ถ้ามาดูในรายละเอียด จะเห็นว่ารายได้ชิปกลุ่มดาตาเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว มูลค่าแตะ 1.12 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้คาดการณ์อุตสาหกรรมชิปทั่วโลกปีนี้ จะมีรายได้รวมถึงกว่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
[ ดาตาเซ็นเตอร์กลายเป็นตลาดใหญ่ รองจากสมาร์ทโฟน ]
จอร์จ บร็อคเคิลเฮิร์ส รองประธานฝ่ายวิจัยการ์ทเนอร์ กล่าวว่า ชิป GPUs และโปรเซสเซอร์ AI ที่ใช้ในแอปพลิเคชันของดาตาเซ็นเตอร์ (สำหรับ Servers และ Accelerator Cards) เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในปีที่ผ่านมา โดยความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับงาน AI และ generative AI ทำให้ดาตาเซ็นเตอร์กลายเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสอง รองจากสมาร์ทโฟน ทำให้ในปี 2567 รายได้เซมิคอนดักเตอร์ในกลุ่มดาตาเซ็นเตอร์มีมูลค่ารวมที่ 1.12 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2566
[ ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกกำไรพุ่ง ]
ผลการดำเนินงานด้านบวกของตลาดโดยรวมส่งผลต่อการจัดอันดับผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์หลายราย โดยมีผู้ผลิต 11 รายที่เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก และมีเพียง 8 ราย จาก 25 อันดับแรกที่มีรายได้ลดลงในปีที่ผ่านมา
1.Samsung Electronics รายได้ 66,524 ล้านดอลลาร์
มาร์เก็ตแชร์ 10.6%
2.Intel รายได้ 49,189 ล้านดอลลาร์
มาร์เก็ตแชร์ 7.9%
3.NVIDIA รายได้ 45,988 ล้านดอลลาร์
มาร์เก็ตแชร์ 7.3%
4.SK hynix รายได้ 42,824 ล้านดอลลาร์
มาร์เก็ตแชร์ 6.8%
5.Qualcomm รายได้ 32,358 ล้านดอลลาร์
มาร์เก็ตแชร์ 5.2%
6.Micron Technology รายได้ 27,843 ล้านดอลลาร์
มาร์เก็ตแชร์ 4.4%
7.Broadcom รายได้ 27,641 ล้านดอลลาร์
มาร์เก็ตแชร์ 4.4%
8.AMD รายได้ 23,948 ล้านดอลลาร์
มาร์เก็ตแชร์ 3.8%
9.Apple รายได้ 18,880 ล้านดอลลาร์
มาร์เก็ตแชร์ 3.0%
10.Infineon Technologies รายได้ 16,001 ล้านดอลลาร์
มาร์เก็ตแชร์ 2.6%
จะเห็นว่า Samsung Electronics กลับมาครองอันดับ 1 แทน Intel โดยบริษัท ได้แรงหนุนมาจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของราคาอุปกรณ์หน่วยความจำหรือ Memory Devices ส่งผลให้มีรายได้รวมที่ 66.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Intel เลื่อนมาอยู่อันดับ 2 เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทในกลุ่ม AI PCs และ Core Ultra Chipset ไม่เพียงพอที่จะชดเชยความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ AI accelerator รวมถึงการเติบโตในธุรกิจ x86 ที่ยังมีไม่มากนัก ส่งผลให้รายได้เซมิคอนดักเตอร์ของ Intel เติบโตเล็กน้อยเพียง 0.1% ในปี 2567
NVIDIA ยังคงมีผลการดำเนินงานโดดเด่น บริษัทฯ มีรายได้เซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น 84% ในปี 2567 คิดเป็นมูลค่ารวม 46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ด้วยความแข็งแกร่งของธุรกิจ AI
ส่วนอื่นๆ คือ รายได้จากหน่วยความจำ (Memory) เติบโต 71.8% ในปี 2567 หรือคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 25.2% ของยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมด ขณะที่รายได้ชิป DRAM เพิ่มขึ้น 75.4% ส่วนรายได้หน่วยความจำประเภท NAND เพิ่มขึ้น 75.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยการผลิตหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูงหรือ High-Bandwidth Memory (HBM) มีส่วนสำคัญต่อรายได้ของผู้ผลิตชิป DRAM โดยรายได้ชิป HBM มีสัดส่วน 13.6% ของรายได้ชิป DRAM ทั้งหมดในปี 2567
รายได้ Nonmemory เพิ่มขึ้น 6.9% ในปี 2567 คิดเป็นสัดส่วน 74.8% ของรายได้เซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมดในปี 2567
การ์ทเนอร์ ประเมินว่า Memory และ AI semiconductors จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตได้ในระยะสั้น