‘ชวน’ กรีด ‘เศรษฐา’ ด้านนายกฯ สวน หยุดใช้มุกเดิมด้อยค่า

‘ชวน’ กรีด ‘เศรษฐา’ ไม่รอบคอบ ปมปราบยางเถื่อนทำราคายางขึ้น ด้าน นายกฯ สวนหยุดใช้มุกเดิมด้อยค่า

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ซึ่งวันนี้ (4 เม.ย. 67) เป็นวันสุดท้ายของการอภิปราย

ชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายถึงเรื่องราคายางพารา โดยสรุปได้ตั้งคำถามกับ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังว่า 1. ราคายางพาราจะดีขึ้นอย่างตลอดไปหรือไม่ โดยไม่เกี่ยวข้องกับอุปสงค์อุปทาน 2. รัฐบาลมีแนวทางป้องกันหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลที่แล้วมีการประกันรายได้ โดยกำหนดราคายางดิบกิโลกรัมละ 60 บาท หากต่ำกว่า 60 บาท จะมีการชดเชยใช้เงินเป็นหมื่นๆ ล้าน จึงฝาก 2 คำถามเพื่อทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้นกับชาวสวนยางทั่วประเทศ

“เมื่อนายกรัฐมนตรี มีความเห็นต่างออกไป โดยเชื่อว่าการปราบยางเถื่อนนั้น คือเหตุผลที่ทำให้ยางราคาขึ้น ผมเชื่อว่า ความเชื่อนั้นน่าจะไม่รอบคอบ น่าจะผิดพลาด เพราะจริงๆ ถึงอย่างไรก็หนีความจริงในทางเศรษฐศาสตร์ไปไม่พ้นคืออุปสงค์อุปทาน” ชวน กล่าว

จากนั้น ได้อภิปรายเรื่องการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุถึงความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่จากเมื่อปี 2544 ที่รัฐบาลสมัยนั้นปกครองอยู่ มีนโยบายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภาคใต้ด้วยวิธีการจัดการเพียง 12 เดือนก็หมด พูดง่ายๆ คือฆ่าทิ้งซะ ด้วยความเชื่อว่ามี หัวโจกไม่เกิน 17-18 คน แต่มาถึงปัจจุบันนี้ เหตุการณ์ไม่ได้จบ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลนี้ต้องหยิบยกขึ้นมาว่า ถ้าชีวิตคนมีค่า ต้องทบทวนโดยละเอียดว่าเราจะมีมาตรการป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไรในพื้นที่ที่เป็นด้ามขวานของเรา

ชวน กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา มีการก่อเหตุในพื้นที่เกือบ 50 ครั้ง นายกฯ เศรษฐา ให้สัมภาษณ์ในวันต่อมาว่า รับทราบ แต่เหตุการณ์ดีขึ้น และได้โทรศัพท์ไปหานายอันวา อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จึงอยากถามนายกฯ ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องภายในหรือเรื่องระหว่างประเทศ และขอถามว่านายกฯ มาเลเซีย แนะนำ หรือเสนออย่างไรบ้าง

ในตอนหนึ่ง ชวน ได้กล่าวว่ามีคนส่งข่าวมาบอกว่านายกรัฐมนตรีไปนินทาตน ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงไม่โกรธแต่ว่าอยากจะทำเข้าใจ คือท่านไปบรรยายให้กับนักธุรกิจรุ่นใหม่ เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 67 โดยระบุว่า “ตนเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ที่ลงพื้นที่ภาคใต้ 3 วัน 2 คืน ตนไม่เห็นมีใครใส่เสื้อเกราะหรือทหารใส่รถถังตามมา เพราะมั่นใจว่า ไปด้วยเจตนาที่ดี ไปด้วยความตั้งใจจริง เพราะพรรคเพื่อไทยไม่มี สส. ที่นั่น ขออย่าไปเชื่อวาทกรรมที่ผู้นำบางท่านพูดว่า เพื่อไทยไม่เคยให้ความสำคัญกับภาคใต้ สนามบินจังหวัดภูเก็ต พรรคเพื่อไทยไม่มี สส. แต่ลงทุนไปหลายหมื่นล้านบาท…”

“เมื่อเป็นนายกฯ อย่าไปคิดว่ามี สส. เพื่อไทยอยู่หรือไม่ หน้าที่ท่านต้องไป ไปนิดเดียวอย่าทวงบุญคุณ นั่นคือหน้าที่อยู่แล้ว ท่านไปภูเก็ตเข้าใจครับความจริงท่านไปก่อนแล้วเพราะมีบริษัทของท่านทำธุรกิจอสังหาฯ อยู่ที่นั่น” ชวน ระบุ

“นายกฯ เศรษฐา วันนี้เรียกชื่อไม่ผิดละครับ ท่านไม่ใช่นายกฯ อีแอบ นะครับ ท่านเป็นนายกฯ มาครึ่งปีแล้วผมก็ติดภาษาใต้ เศรษฐา กราบขออภัยด้วยครับ ภาษาใต้เขาเรียกว่า เสดสา แปลว่าลำบาก แม่บอกว่ากรีดยางทั้งวันได้นิดเดียวเหนื่อยชีวิตเสดสา ชีวิตเสดสา คือชีวิตลำบาก”

นอกจากนี้ ชวน ตั้งคำถามกับนายกฯ อีกว่า ที่ท่านบอกว่าผู้นำบางคนพูดว่า เพื่อไทยไม่เคยให้ความสำคัญกับภาคใต้ ไปเอามาจากไหน ตนไม่เคยพูด พูดในวันแถลงนโยบายว่าภาคใต้ถูกเลือกปฏิบัติ คนที่เลือกปฏิบัติเขาไม่ได้ทำโดยแอบทำ เป็นอีแอบหรืออะไรก็ตาม เขาก็พูดตรงไปตรงมาว่า เมื่อได้รับเลือกตั้งมาจากประชาชน

“ขอพูดตรงๆ เราพัฒนาจังหวัดที่เลือกเราก่อน คือจังหวัดพรรคไทยรักไทยก่อน จังหวัดอื่นไว้ทีหลัง ถ้านายกรัฐมนตรี ไม่ทราบว่าคนพูดคือใคร ผมจะบอกให้ท่านทักษิณพูด ไม่ได้แอบพูด ท่านประกาศกับประชาชนตรงๆ…” ชวน กล่าว

ทำให้ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ว่า ขออย่าเอ่ยถึงคนนอก ที่เขาไม่มีสิทธิ์มาชี้แจง เพราะเรื่องพวกนี้กระทบกับบุคคลภายนอก เมื่อสักครู่ได้พูดถึงอดีตนายกฯ พูดในทางเสียหายด้วยว่าเลือกปฏิบัติในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะถ้าไปดูในเรื่องงบประมาณที่ลงไปในช่วงที่นายกรัฐมนตรีแต่ละท่าน ได้ดำรงตำแหน่งจะเห็นตัวเลขที่ชัดเจนว่าการพัฒนาเกิดขึ้นในช่วงใด ขอความกรุณาอภิปรายอยู่ในกรอบพิจารณา และละเว้นการเอ่ยชื่อคนนอก ทำให้ ชวน สวนกลับไปว่า “ไม่มีใครอยู่ในกรอบเท่าผม”

ชวน ยังกล่าวด้วยว่า นโยบายที่รัฐบาลประกาศไว้ว่าจะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นที่ยอมรับกับนานาประเทศ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากกรณีนักโทษ จไม่เอ่ยชื่อ การที่คนป่วยหายป่วยเป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าใครก็ตาม เขาจะได้มีชีวิตเป็นขวัญใจให้กับลูกหลานต่อไป มีโอกาสมาชื่นชมผลงาน และรับกรรมที่ทำไม่ดีเอาไว้ แต่เมื่อวานนี้ทะเลากัน เรื่องของพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ปี 2560 ไม่ว่าจะออกในสมัยใด ตนไม่ตำหนิ แต่ปัญหามันมีเพียงว่า แต่ละข้อได้มีการปฏิบัติหรือไม่นี่คือประเด็น อันนี้ที่รัฐบาลซึ่งเป็นตัวหลักที่จะทำให้นิติธรรมเกิดขึ้น แต่ก็ปล่อยปละละเลยไม่ให้กฎเกณฑ์กติกาความถูกต้อง ความเสมอภาค ความชอบธรรม หรือการไม่เลือกปฏิบัติเกิดขึ้น

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ชี้แจงตอนหนึ่งโดยสรุปว่า เราคือมหาอำนาจของราคายางพาราโลก ผู้นำต้องมีความกล้าผลักดันเรื่องให้ราคายางพาราสูง ซึ่งเรื่องการปราบยางเถื่อน ลดซัพพลาย (อุปทาน) ลงไป ถ้าลดซัพพลาย ดีมานด์ (อุปสงค์) เพิ่มขึ้น ราคาก็สูงขึ้นธรรมดา ถ้าทำจริงๆ ก็ทำได้ แต่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ และพาณิชย์ ช่วงรัฐบาลที่แล้วก็เป็นคนใต้ มีกินมีใช้มาจากยางพารา แต่ก็ไม่ได้ดูแลอะไรที่เกินกว่าที่ตัวเองควรจะทำ รัฐบาลนี้มีใจและก็ทำงานอย่างแท้จริงเพื่อพี่น้องประชาชน จะพยายามต่อไปเพื่อรักษาราคายางพาราให้สูงต่อไป

และว่า ตนฟังท่านชวนไม่ผิด เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 66 ท่านได้กล่าวไว้ว่า พรรคเพื่อไทยพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือกเขา จังหวัดอื่นไว้ทีหลัง ท่านพูดชัดเจน ซึ่งตนก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นนายกฯ ของคนทั้งประเทศ

“เรื่องมุกด้อยค่า พรรคที่อยู่คนละพรรคกับท่านเป็นมุกเดิมๆ จริงๆ แล้ว ลองใช้มุกใหม่ดูบ้างเหอะ ไม่งั้นทุกวันนี้ สส. เองก็ไหลไปอยู่พรรคอื่น คะแนนเสียงน้อยลงไปเยอะๆ ทุกวันลองอะไรใหม่ๆ บ้างดีกว่า” นายกฯ กล่าว

เศรษฐา ยังกล่าวด้วยว่า เราเข้าใจอดีตแต่เรามองไปในอนาคต เชื่อว่าท่านหวังดี แต่วันนี้เราเป็นรัฐบาลขอลองวิธีใหม่ๆ บ้าง เปิดใจให้กว้าง ตนมั่นใจว่า ภายใน 4 ปีนี้ ประเทศเราจะเจริญมากกว่าที่รัฐบาลอื่นเคยทำมา ขอให้เชื่อมั่นว่า นายกฯ คนนี้จะไปทุกพื้นที่ จะมองเห็นทุกภูมิภาค ประชาชนเลือกนักการเมืองได้ แต่นักการเมืองเลือกประชาชนไม่ได้ ทุกภารกิจของตนจะพิสูจน์คำพูดในวันนี้เพื่อประชาชนทุกคน