SHARE

คัดลอกแล้ว

ภาพจาก :: Nguyen Linh on unsplash

31 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก สถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ เตือนประชาชนควรเลิกสูบบุหรี่ เพราะสารพิษในบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง แนะแนวทางเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างถาวร

วันที่ 30 พ.ค. 2562 นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า การสูบบุหรี่ถือเป็นการทำลายสุขภาพ ทั้งต่อตัวผู้สูบเองและผู้อยู่ใกล้ชิดที่สูดเอาอากาศที่มีควันบุหรี่เข้าไป เพราะควันบุหรี่ประกอบด้วยสารพิษ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพและมีสารก่อมะเร็ง

สารพิษที่สำคัญได้แก่ นิโคติน ทำให้หลอดเลือดตีบตัน เกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูงและกระตุ้นระบบประสาท คาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้หัวใจและส่วนต่างๆของร่างกายได้รับออกซิเจนน้อย ส่งผลให้เหนื่อยง่ายและเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจ ทาร์ เป็นสารก่อมะเร็งปอด โรคถุงลมโป่งพอง และโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ไนโตรเจนไดออกไซด์ เป็นก๊าซพิษที่ทำลายเยื่อบุหลอดลมส่วนปลายและถุงลม ทำให้ถุงลมโป่งพอง ไฮโดรเจนไซยาไนต์ ทำให้เกิดอาการไอ มีเสมหะและหลอดเลือดอักเสบเรื้อรัง โดยสารพิษเหล่านี้จะส่งผลทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆ

อาทิเช่น หลอดเลือดในสมองตีบ โรคมะเร็งต่างๆ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจซึ่งถือว่าเป็นปัญหาสำคัญทางด้านสาธารณสุขของประเทศไทยและทั่วโลก

นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การสูบบุหรี่ยังเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เมื่อปอดสัมผัสกับควันบุหรี่เป็นเวลานานจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในปอด ผู้ป่วยจะมีอาการไอเรื้อรัง มีเสมหะ หอบเหนื่อยและหายใจมีเสียงหวีด เมื่อปอดถูกทำลายมากขึ้น อาการดังกล่าวจะมากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับแนวทางในการรักษาที่สำคัญ คือผู้ป่วยจะต้องหยุดสูบบุหรี่อาจเริ่มจากการหาเหตุจูงใจที่จะเลิก เช่น การมอบเป็นของขวัญให้กับคนที่รักในโอกาสสำคัญ หากิจกรรมทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากบุหรี่ เช่น การอ่านหนังสือ หรือเล่นกีฬา ดื่มน้ำหรือล้างหน้าทันทีเมื่อรู้สึกหงุดหงิดและอย่าสูบบุหรี่ทันทีที่อยากสูบ ควรประวิงเวลาของการสูบออกไปเรื่อยๆ

นอกจากนี้การรับประทานยาช่วยเลิกบุหรี่เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้สามารถเลิกบุหรี่ได้ แต่ต้องได้รับคำปรึกษา จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ดูแล ทั้งนี้ผลดีของการเลิกบุหรี่ได้อย่างถาวร คือ 15 นาทีหัวใจเต้นช้าลง 12 ชั่วโมงระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงสู่ภาวะปกติ 14 วันระบบไหลเวียนดีขึ้น หายใจโล่งขึ้น รู้สึกสดชื่น 1 ปีความเสี่ยงโรคหัวใจวายลดลง 50% และ 5 ปีลดความเสี่ยงโรคสมอง 50%

ขอบคุณข้อมูล :: 

สาธารณสุข

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า