แพทย์จุฬาฯ ไม่เห็นด้วย ศบค.เคาะลดวันกักตัว 5+5 เผยโอกาสมีโอกาสเชื้อหลุด 75% พร้อมยกตัวอย่างงานวิจัยของต่างประเทศ
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความคิดเห็นหลังที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) มีมติลดระยะเวลาในการแยกกักเป็น 5+5 คือ ในกรณีที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ให้แยกกักหลังตรวจพบอย่างน้อย 5 วัน จากนั้นให้ปฏิบัติตนแบบ DMH อย่างเคร่งครัดต่ออย่างน้อยอีก 5 วัน
รศ.นพ.ธีระ ระบุว่า อย่าออกนโยบายที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ การชงลดวันกักตัวเป็น 5+5 นั้นไม่สอดคล้องกับหลักฐานวิชาการแพทย์ในปัจจุบัน ดังที่เคยทราบจากงานวิจัยก่อนหน้านี้แล้วว่า หากแยกกักตัว 5 วัน โอกาสที่จะมีผู้ติดเชื้อที่ยังคงสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้นั้นสูงถึง 50%, กักตัว 7 วัน 25%, และ 10 วัน 10%
เกิน 14 วันจึงจะปลอดภัย
หากแยกตัวกักตัวน้อยกว่า 14 วันจึงมีความเสี่ยง และทางที่ควรพิจารณาทำในทางปฏิบัติโดยพยายามลดความเสี่ยง คือ การแยกตัวกักตัวอย่างน้อย 7-10 วัน โดยต้องแน่ใจว่าสุขภาพดีขึ้นจน ไม่มีอาการป่วย และตรวจ ATK เป็นผลลบแล้ว จึงค่อยออกมาใช้ชีวิตโดยป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดและควรใส่หน้ากาก N95 หรือเทียบเท่า
ข้อมูลงานวิจัยล่าสุด ทีมวิจัยจาก Imperial College London สหราชอาณาจักร ได้เผยแพร่ผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับปริมาณไวรัสในผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 อย่างละเอียดมาก ถือเป็นหลักฐานวิชาการล่าสุดที่ตอกย้ำว่าแนวทาง 5+5 ไม่ใช่นโยบายที่ถูกต้อง ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ระบบทางเดินหายใจ The Lancet Respiratory Medicine วันที่ 18 สิงหาคม 2565 สรุปสาระสำคัญ คือ
1. หากนับจากวันที่ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19
– แยกกักตัว 5 วัน มีโอกาสหลุด 75%
– แยกกักตัว 7 วัน มีโอกาสหลุด 35%
– แยกกักตัว 10 วัน มีโอกาสหลุด 10%
2. หากนับจากวันแรกที่เริ่มมีอาการป่วย
– แยกกักตัว 5 วัน มีโอกาสหลุด 67%
– แยกกักตัว 7 วัน มีโอกาสหลุด 30%
– แยกกักตัว 10 วัน มีโอกาสหลุด 10%
ชุดข้อมูลความรู้ทางการแพทย์ปัจจุบัน ชี้ชัดว่า 5+5 ไม่ใช่นโยบายที่ควรทำ
รศ.นพ.ธีระ บอกว่าปัจจุบันการใช้ชีวิต ทำมาหากิน ศึกษาเล่าเรียน และระบบเศรษฐกิจนั้นพอขับเคลื่อนไปได้ แต่ต้องยอมรับความจริงว่าการระบาดในประเทศนั้นมีจำนวนมาก คนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการดูแลรักษามาตรฐานสากลได้ และจำนวนคนเสียชีวิตของไทยก็ยังติดอันดับต้นๆ ของเอเชียและของโลก นโยบายและมาตรการที่ควรทำคือ การกระตุ้นเตือนให้ประชาชนตระหนักรู้ถึงสถานการณ์จริง ใช้ชีวิตอย่างมีสติ และป้องกันตัวอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
“อย่าเข็นนโยบายที่อาจทำให้สถานการณ์ระบาดยืดเยื้อยาวนานกว่าที่ควร หรือรุนแรงมากกว่านี้เลย ทุกชีวิตมีค่า… สำหรับประชาชนรวมถึงนายจ้างลูกจ้าง ควรนำความรู้ไปประยุกต์ใช้สำหรับตนเอง ครอบครัว และกิจการของตนเองตามความเหมาะสม”
https://www.facebook.com/thiraw/posts/pfbid02TyDVznBZcc1mFM2P9GEq7yK2WR4S9GXx7TEeBdAU9cQ7sQk2iVonUy1oJ2PE9yggl
อ้างอิง
Hakki S et al. Onset and window of SARS-CoV-2 infectiousness and temporal correlation with symptom onset: a prospective, longitudinal, community cohort study. The Lancet Respiratory Medicine. 18 August 2022.”
.
ที่มา https://www.facebook.com/thiraw/posts/pfbid02TyDVznBZcc1mFM2P9GEq7yK2WR4S9GXx7TEeBdAU9cQ7sQk2iVonUy1oJ2PE9yggl
.
#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้