คณะรัฐมนตรีผ่านร่างพรบ.คู่ชีวิต กำหนดให้ผู้จดทะเบียนตามพ.ร.บ.มีสิทธิและหน้าที่เหมือนคู่สมรส เพียงแต่เป็นการจดทะเบียนสำหรับคู่รักเพศเดียวกัน เกิดกระแสตั้งคำถามว่าในเมื่อสิทธิและหน้าที่ไม่ต่างกัน เหตุใดจึงต้องมีกฎหมายแยกออกมา การเปลี่ยนคำในประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 1448 ว่าด้วยการสมรสจะซับซ้อนน้อยกว่าหรือไม่ วันที่ 8 กรกฎาคม 2563 รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาลแถลงว่าคณะรัฐมนตรีมีมติผ่านร่างพรบ.คู่ชีวิต โดยมีสาระสำคัญดังนี้ 1.คำว่าคู่ชีวิต หมายความว่าบุคคลสองคนซึ่งเป็นเพศเดียวกันโดยกำเนิดและได้จดทะเบียนคู่ชีวิตตามพรบ. 2.ให้ศาลที่มีหน้าที่พิพากษาคดีเยาวชนและครอบครัว มีอำนาจพิพากษา 3.การจดทะเบียนคู่ชีวิตจะทำได้ต่อเมื่อบุคคลทั้งสองฝ่ายยินยอม และมีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ โดยทั้งสองฝ่ายต้องมีสัญชาติไทย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสัญชาติไทย 4.กำหนดให้ในกรณีที่ผู้เยาวน์จะจดทะเบียนคู่ชีวิตจะต้องได้รับความยินยอมจากบิดาและมารดา ผู้รับบุตรบุญธรรมหรือศาล 5.กำหนดให้คู่ชีวิตมีอำนาจแทนผู้เสียหายเช่นเดียวกับสามีหรือภรรยา และมีอำนาจดำเนินคดีต่างผู้ตายต่อไปเช่นเดียวกับสามี-ภรรยาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 6.กำหนดบทบัญญัติกำหนดทรัพย์สินเกี่ยวกับคู่ชีวิต โดยแบ่งเป็นสินส่วนตัวและสินร่วมกัน 7.คู่ชีวิตสามารถรับบุตรบุญธรรมได้ รวมทั้งคู่ชีวิตฝ่ายหนึ่งจะจดทะเยีบนรับผู้เยาวน์ซึ่งเป็นคู่ชีวิตอีกฝ่ายหนึ่งมาเป็นบุตรบุญธรรมของตนเองก็ได้ด้วย 8.เมื่อคู่ชีวิตฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย ให้คู่ชีวิตอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับคู่สมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยมรดก 9.กำหนดให้นำบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยคู่สมรส ครอบครัวและบุตรบุญธรรมใช้บังคับแก่ผู้ชีวิตได้โดยอนุโลม นอกจากนี้จะมีการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในสาระเรื่องการกำหนดให้ชายหรือหญิงจะทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรสหรือคู่ชีวิตอยู่ไม่ได้ เพิ่มเหตุฟ้องหย่ากรณีสามีหรือภรรยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันคู่ชีวิต และกำหนดให้สิทธิรับค่าเลี้ยงชีพในกรณีหย่าหมดไปถ้าฝ่ายที่รับค่าเลี้ยงดูสมรสใหม่หรือจดทะเบียนคู่ชีวิต ระบุว่าการผ่านมตินี้เป็นไป “เพื่อให้กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศได้รับการคุ้มครองอย่างเป็นทางการ เท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ และให้สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี” นักสิทธฺ LGBT : รู้สึกเหมือนเป็นพลเมืองชั้นสอง ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี นักกิจกรรม LGBT และเลขาธิการกลุ่ม Free Youth ให้สัมภาษณ์ workpointTODAY ว่านี่ไม่ใช่ #สมรสเท่าเทียม แต่เป็นการแยก LGBT ออกจากกฎหมายอื่น “ผมว่าการสมรสไม่ควรมีการแบ่งกฎหมายออกเป็นสองฉบับ การมันคือข้อเท็จจริงเดียวกัน สิทธิเดียวกัน มันควรแก้กฎหมายฉบับเดิมให้เกิดความเท่าเทียม” “อีกอย่างหนึ่งที่เรารู้สึก เรารู้สึกว่าถ้ามีการออกพรบ.คู่ชีวิตแยกจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มันให้ความรู้สึกเหมือน LGBT อย่างเราเป็นพลเมืองชั้นสอง” “เพราะฉะนั้นนี่ไม่ใช่สมรสเท่าเทียม มันคือสมรสแบ่งแยก สมรสไม่เท่าเทียม” ทัตเทพสรุป โดยกล่าวว่าเขาต่อต้านการผ่านร่างพรบ.คู่ชีวิตครั้งนี้ และขอผลักดันการแก้ ปพพ. ม.1448 ต่อเพื่อให้เกิดการสมรสเท่าเทียมอย่างแท้จริง ก้าวไกล: พ.ร.บ.คู่ชีวิต ≠ สมรสเท่าเทียม ความเคลื่อนไหว #สมรสเท่าเทียม เกิดขึ้นในทวิตเตอร์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดขึ้นหลังจากธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.พรรคก้าวไกล นำเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เพื่อปลดล็อกให้คู่รักเพศเดียวกันสมรสกันได้มารับฟังความคิดเห็น “คู่ชีวิต หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Civil Partnershipไม่เท่ากับสมรส(Marriage)” ‘ครูธัญ’ กล่าว “หัวใจสำคัญของมันคือคำว่าคู่สมรสนั้นอยู่ในกฎหมายอื่น ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการของราชการไม่ว่าจะเป็นประกันสังคม ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการอื่นหรือการปกป้องคุ้มครองดูแลสิทธิอื่น ๆ มันจะมีคำว่าคู่สมรสอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสมรสเท่าเทียมมันจะสร้างความเสมอภาคในทุกกฎหมายของคนทุกเพศ แต่คู่ชีวิตจะไม่มีคำนี้อยู่ในกฎหมายอื่น ๆ เลย” ธัญวัจน์กำลังผลักดันการแก้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิย์ที่เกี่ยวข้องกับการสมรสให้เปลี่ยนจากการใช้คำว่า “ชาย” และ “หญิง” มาเป็นคำว่า “บุคคล” ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น และจะนำเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเมื่อสิ้นสุดระยะเวลา ส่วนพิจารณาในสภาฯ เนื่องจากกฎหมายทั้งสองฉบับที่เกี่ยวข้องกับประเด็นใกล้เคียงกันอาจถูกเสนอเข้าสภาในเวลาไล่เลี่ยกัน อาจจะ “ต้องให้ส.ส.ดูว่าจะประกบการพิจารณาในคณะกรรมาธิการวิสามัญหรือไม่” “ขอยืนยันว่าคนละตัวกัน และสมรสเท่าเทียมเป็นกฎหมายเดียวที่จะสร้างความเสมอภาค ขอยืนยันและขออย่าให้ประชาชนสับสน ” ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ทิ้งท้าย