Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

หลังกระทรวงสาธารณสุข ประกาศปลดล็อกกัญชา ยกเว้นช่อดอกและเมล็ด ให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่จัดเป็นยาเสพติด ก็เริ่มมีหลายธุรกิจเริ่มพยายามนำ “กัญชา” มาใช้ในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เช่น อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ซึ่ง Class Cafe เป็นหนึ่งธุรกิจที่นำกัญชามาสร้างมูลค่า ภายใต้แบรนด์ “Khao Yai CALM” โดยนำมาใส่ในส่วนผสมของอาหารและเครื่องดื่ม ให้บริการภายในคาเฟ่

กอล์ฟ – มารุต ชุ่มขุนทด กรรมการผู้จัดการ คลาส คาเฟ่ และ เจ้าของแบรนด์ “Khao Yai CALM” เล่าให้กับ workpointTODAY ฟังถึงแนวคิดในการนำกัญชามาเป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่มอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยใช้เวลาดำเนินการเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น และถือเป็นเจ้าแรกๆ ในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก

เขาบอกว่าจุดเริ่มต้นที่ตัดสินใจทำธุรกิจกัญชา เพราะมองเห็นมูลค่าทางเศรษฐกิจและได้ช่วยสังคม เดิมที Class Cafe ตั้งตัวเป็นธุรกิจนวัตกรรมที่ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยโดยการนำงานวิจัยออกสู่สาธารณะ เมื่อกัญชาถูกปลดล็อกและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีลงทุนในการทำวิจัยเรื่องกัญชาอยู่แล้ว จึงเกิดการพูดคุยกันขึ้นถึงแนวทางที่จะทำให้กัญชามีมูลค่าทางเศรษฐกิจ จึงใช้โอกาสที่กัญชาได้รับการปลดล็อกทำเรื่องนี้

“ส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจทำเรื่องกัญชา เพราะได้สืบค้นข้อมูลพบว่าสาร CBD ที่อยู่ในกัญชา มีส่วนช่วยในการผ่อนคลาย และหลายประเทศที่ปลดล็อกก็นำกัญชามาแก้ปัญหาโรคนี้ แล้วจากการทำงานร่วมกับฟลายมหวิทยาลัย ก็พบว่านักศึกษามีปัญหาซึมเศร้าเยอะ เลยมองเห็นทางว่าถ้าทำได้ กัญชาอาจจะช่วยเรื่องนี้ได้ และจากประสบการณ์ไปศึกษาที่ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ที่บอสตัน ที่นั่นก็เปิดเสรีเรื่องกัญชา ทุกร้านกาแฟมีเมนู CBD ให้บริการ เราก็ได้ลองรู้สึกว่าโอเค เราเลยมองเห็นโอกาสขนาดใหญ่ทางธุรกิจ ที่สามารถช่วยเหลือคน และในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับสังคมเกี่ยวกับประโยชน์ของกัญชาไปในตัวด้วย” มารุต กล่าว

แต่อุปสรรคหนึ่งที่พบคือมีข้อจำกัดมากมาย ทั้งเรื่องกฎหมาย การรับรู้ทัศนคติของคนในสังคมที่มีต่อกัญ ทำให้ต้องคิดอย่างใจเย็นและถี่ถ้วน ก่อนลงมือทำ แล้วเราเห็นว่าอุปสรรคที่ว่านี้ถ้าเราผ่านไปได้จะกลายเป็นความได้เปรียบทางธุรกิจถ้าเราทำสำเร็จ

ทลายข้อกังวลเรื่องภาพลักษณ์แบรนด์

ในมุมมองของผู้ใช้บริการ Class cafe มีภาพลักษณ์เป็นเด็กเรียน เพราะมีสาขาในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง มีข้อกังวลว่าการนำกัญชามาทำเครื่องดื่ม อาหาร อาจจะกระทบภาพลักษณ์พอสมควร เพราะคนที่มาเป็นลูกค้าก็มีเด็กเยาวชนเข้ามานั่งอ่านหนังสือ นั่งเรียนพิเศษ ผู้ปกครองที่มารอรับลูกหลานอยู่เยอะ เป็นอีกโจทย์ที่ต้องคิดต่อ

“แต่ก็มีความคิดผุดขึ้นมาว่าถ้าเราเป็นผู้บุกเบิก ในวงการร้านกาแฟ ก็จะทำให้เราชนะในธุรกิจนี้ แล้วในการแข่งขันของกาแฟที่ตอนนี้สูงมาก มีรายใหญ่ที่เงินทุนสูงมากมาย พอเราไปศึกษาเห็นว่ากลุ่มทุนเข้าไปสู่ตรงนี้หมด เรามองภาพไปอีก 1 ปีข้างหน้า เราก็เริ่มเห็นว่าเครื่องดื่มชูกำลัง แอลกอฮอล์ เข้ามาสู่ตรงนี้เต็มตัว เรากำลังจะเห็นร้านสะดวกซื้อเต็มไปด้วยเครื่องดื่ม CBD เต็มไปหมด ถ้าไม่ทำก็จะหลุดออกไปไม่อยู่ในการแข็งขันตรงนี้เลย วันนี้ถ้าเรามีโอกาส เราทำอะไรได้บ้าง เราได้เปรียบตรงไหน ก็นั่งวิเคราะห์ จนได้เห็นจุดที่เรามีความพร้อม และมีโอกาสที่จะเร็วกว่าเขา ก็ลงมือทำเลย”

ต้องถูกต้องตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

ขั้นตอนการเริ่มใช้ทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเรื่อง Food Science ที่ดูแลทุกกระบวนการของการทำอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา มีแล็บสำหรับพัฒนา มีการตรวจบันทึกทุกๆ ขั้นตอน ให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ทุกกระบวนการมีการควบคุมอย่างถูกต้อง

ส่วนการขออนุญาตกับ อย. ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเรื่องที่ยากสำหรับผู้ประกอบการอาหาร Class cafe ใช้วิธีประสานงานใกล้ชิดกับภาครัฐ มีทีมการตลาดที่ทำงานกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อดูเรื่องระเบียบ ข้อบังคับขั้นตอนการขออนุญาตทั้งหมด และนำข้อบังคับ ระเบียบที่ อย.กำหนด มาคิดต่อว่าอะไรทำได้ และอะไรทำไม่ได้ และวิ่งชนทุกข้อจำกัด แปลงทุกอย่างให้เป็นกระบวนการที่เราทำได้ เราก็เลยออกผลิตภัณฑ์ได้สำเร็จภายใน 2 สัปดาห์ สร้างแบรนด์ใหม่ออกมาชื่อว่า “Khao Yai CLAM” สู่สาธารณะ

พิสูจน์ว่าคนตัวเล็กทำได้ ไม่ใช่แค่กลุ่มทุนใหญ่ๆ เท่านั้น

“ความยุ่งยากที่เจอในการเตรียมก่อนขออนุญาตที่มีรายละเอียดเยอะมากๆ เราเห็นคนพูดถึงดรามา ว่า คนมีเงิน หรือ กลุ่มทุนเท่านั้นหรือที่จะทำได้ คนจนไม่มีสิทธิเข้าถึง นั่นคือสิ่งที่คนทั่วไปคิด แต่สิ่งที่ Class ทำออกมาได้ วันนี้แสดงให้เห็นว่าคนตัวเล็กๆ สตาร์ทอัพ บริษัทเล็กๆ ก็ทำได้ ซึ่งรายละเอียดการทำงานคือเรามีนักวิชาการด้านอาหาร มีแล็บทำงาน มีการแสดงผลให้ อย. เห็นว่าเราทำอะไร ใช้วัตถุดิบอะไรมาจากแหล่งไหน ในกระบวนการ ข้อกฎหมายของ อย. ที่เข้มมากๆ ตั้งแต่ต้นน้ำ ตั้งแต่เริ่มการปลูก ใครปลูก ปลูกจากอะไร ดินอะไร น้ำอะไร สถานที่ไหน อยู่ในสิ่งแวดล้อมอะไร ผลแล็บเป็นอย่างไร บาริสต้าใช้ปริมาณเท่าไหร่ พ่อครัวใส่กัญชากี่กรัม มีบันทึกทั้งหมด ทุกขั้นตอนต้องถูกลงและควบคุมได้ อย. ถึงปล่อยผ่าน เราทำตามกฎที่ อย.บอกทั้งหมด เราต้องเป็นเด็กดี เราใส่คำเตือนคืออายุต้องเกิน 25 ปี ห้ามสตรีมีครรภ์ ห้ามดื่มเกินวันละเท่าไหร่ เอาเครื่องดื่มไปวัดเลยว่า 1 แก้ว กัญชาเราออกฤทธิ์เท่าไหร่ เราถึงต้องเอาวิทยาศาสตร์เข้ามาคำนวณ พอ อย. ตรวจสอบตรงนี้ได้ เขาก็จะให้เราผ่าน” มารุต เล่า

ทลายกำแพงความยาก คือแต้มต่อของการทำธุรกิจ

แน่นอนว่าการทำอะไรที่รายละเอียดเยอะ ผู้ประกอบการรายเล็กอาจมองว่ายุ่งยาก แต่ อย. ก็ต้องดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภค ซึ่งในแง่ของธุรกิจหลักเกณฑ์ที่ยุ่งยากนี้เป็นข้อได้เปรียบถ้าใครทำได้ (Unfair Advantage) และในแง่ของการเข้าถึงการบริการก็ถือเป็นการปกป้องตัวเองด้วยเพราะการที่เราชัดเจนในทุกขั้นตอนตามระเบียบเมื่อถูกตรวจสอบเราก็จะปลอดภัย

อย่างไรก็ตามส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่ Class cafe มีวันนี้มาจากการที่ทำให้มหาวิทยาลัยเห็นถึงความตั้งใจมาโดยตลอด ตั้งแต่กระบวนการทำงาน การทำงานร่วมกับนักศึกษาในมหาวิทยาลัย เป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมออกมาอย่างสม่ำเสมอ และมีวัตถุประสงค์ในการสร้างสรรค์สังคม การทำตลาดแบบสร้างสรรค์ ทำให้การนำกัญชาจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัย มาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเป็นเหมือนกระบอกเสียงให้มหาวิทยาลัยได้สื่อสารกับคนข้างนอก

“ความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของแบรนด์เขาใหญ่ คือ จริงๆ แล้วกัญชาปลูกในงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมานานแล้ว แต่ฝั่งของเราที่ทำเครื่องดื่ม เราเพิ่งเริ่ม พอกระทรวงสาธารณสุขอนุญาต เราก็จับมือกับมหาวิทยาลัย ก็เลยเร็วกว่าคนอื่น คนเลยรู้สึกว่าเราเป็นผู้นำในเรื่องนี้ อย่างในโคราชคนพูดถึงเยอะ ภาพลักษณ์ผู้นำ การทำงานร่วมมหาลัย ตอนนี้คนเห็นและรู้ว่า มันปลอดภัย หลังเปิดตัวอาหารเครื่องดื่มพบว่าคนชอบ เราก็ปรับสูตรระหว่างทาง จากฟีดแบคของลูกค้าแต่ละครั้งที่ปรับสูตรคือเราจะปรับให้ไม่เกินที่ อย.กำหนดอยู่แล้ว จะไม่เกินจากนั้น” มารุต กล่าว

Class cafe กับการมองกัญชาเป็นโอกาสในวิกฤต

ย้อนกลับไปปี 2563 โคราชเจอทั้งเหตุกราดยิง เจอโควิด-19 และมาปีนี้ก็คือกับการระบาดรอบใหม่ ถือว่า กัญชาเป็นจุดเปลี่ยนหนึ่ง เพราะครั้งแรกที่เกิดการระบาดร้านต้องปิด ลูกค้าหาย ก็ทำบรรจุขวดขาย และพอเปิดอีกครั้งก็เจอการระบาดรอบใหม่มีล็อกดาวน์ร้านโดนปิด ถ้าไม่ปรับตัว รับมือไม่ได้ ยอดขายเราก็จะหายไป

“จริงๆ การปรับตัวที่ทำเมื่อปีที่แล้วก็ถือว่าเอามาใช้ไม่ได้ในปีนี้ มันไม่ได้เป็นสูตรที่ทำในปีนี้สำเร็จ เช่น ช่วงมกราคมคนเงียบ ยอดตกไปเลย พอเรามาเจอเรื่องกัญชาด้วยความตั้งใจที่เราอยากจะนำเสนอสิ่งใหม่ออกมา มันก็กลับกลายเป็นว่ายอดขายเราเติบโตเร็วมาก ตอนนี้เราเลยเชื่อในพลังของกัญชาเพราะคนตื่นตัวกันมากทั่วโลก เราเห็นตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา ที่ทำเรื่องกัญชาแล้วเติบโตขึ้น เราได้เห็นบรษัทในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่พยามยามจะพูดถึงการเริ่มต้นงานวิจัยกัญชา การปลูกกัญชา หุ้นเขาขึ้นไป 3-4 เท่า ตัว Class เองที่ต่อสู้กับโควิด-19 มา ยอดขายก็โตขึ้นทันที ในทางกลับกันนักลงทุนที่ลงทุนใน Class อยู่แล้ว ก็โทรมาเร่งว่าทำไมไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์สักทีจะได้โตอย่างเขา คนที่ยังไม่เคยลงทุนใน Class ก็ติดต่อเข้ามาอยากลงทุนเพิ่ม มีหลายบริษัทที่อยากจะรวมกิจการก็มี เราเลยเห็นว่ามันเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่”

แฟรนไชส์ ก้าวต่อไปของแบรนด์ “Khao Yai CALM”

มารุต กล่าวว่า ตอนนี้กำลังเปิดโอกาสในการเอาเรื่องต่างๆ ที่เรียนรู้และศึกษาให้คนอื่นมีส่วนร่วมเป็นที่มาของการเปิดแฟรนไชส์ Khao Yai CALM โดยการสร้างแบรนด์ที่เป็นระบบโดยหยิบนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เรามีมาใช้ ซึ่งได้ตั้งคุณสมบัติในการเลือกผู้เข้าร่วมจากความพร้อม 4 ด้าน ได้แก่ เทคโนโลยี เงินทุน สถานที่ที่เหมาะสม และ ความตั้งใจจริงในการบริการ

“ขณะนี้มีคนติดต่อเข้ามาเยอะมาก ซึ่งคนที่จะเลือกเข้ามาร่วม จะต้องพร้อมในเรื่องของเทคโนโลยี สามารถรับการสั่งอาหารผ่านแฟลตฟอร์มการขายต่างๆ ได้ คนที่มาทำต้องไม่ใช่แค่ชงกาแฟอย่างเดียว แต่ต้องเป็นคนที่ดูและระบบแฟลตฟอร์มได้ นี่คือสิ่งที่ Class คาดหวังจากผู้ที่มาซื้อแฟรนไชน์ของเรา”

โดยมารุตได้กล่าวทิ้งท้ายสำหรับคนทำธุรกิจว่า

“อะไรที่ง่าย อย่าทำ เพราะว่าถ้าง่ายใครๆ ก็ทำได้ ให้ทำเรื่องที่ อุปสรรคเยอะ เรายิ่งต้องทำ ยิ่งยาก ยิ่งน่าสนใจ ยาก เพราะถ้าเราทำสำเร็จเราจะชนะในธุรกิจ นี่คือ Mindset ที่ Class Cafe ยึดมั่นเป็นแนวทางการทำธุรกิจ”

อินทร์แก้ว โอภานุเคราะห์กุล – สัมภาษณ์
อรอุษา พรมอ๊อด – เรียบเรียง

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า