SHARE

คัดลอกแล้ว

สถานการณ์แพร่ระเบิดเชื้อโควิด-19 ไทยดีขึ้นต่อเนื่อง โฆษก ศบค. เผยผู้ป่วยรายใหม่ 1 ราย เป็นชายไทยอายุ 45 ปี เดินทางกลับจากบาห์เรน วันนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม  

วันที่ 20 พ.ค. 2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศประจำวัน วันนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อใหม่1 ราย เป็นเพศชาย อายุ 45 ปี มีอาชีพเป็นเชฟอาหารไทย กลับมาจากประเทศบาห์เรนเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2563 และเข้าสู่ State Quarantine ตรวจหาเชื้อวันที่ 18 พ.ค.2563 หายป่วยกลับบ้านเพิ่มอีก 31 คน รวม 2,888 คน และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม คงที่ 56 คน รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 90 คน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ข้อมูล ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 63 ประเทศไทยตรวจแล้วกว่า 328,073 ตัวอย่าง และจำนวนห้องปฏิบัติการที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์รับรอง ข้อมูล ณ วันที่ 17 พฤษภาคม 63 มีถึง 167 แห่งทั่วประเทศ โดยไทยมีการตรวจ 4,926 รายต่อ 1 ล้านประชากร มากกว่าเวียดนาม ญี่ปุ่นตรวจ 1,902 รายต่อ 1 ล้านประชากร ขณะที่อิตาลี สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และมาเลเซีย ก็มีจำนวนตรวจที่สูงกว่า โดยการตรวจทางห้องปฏิบัติการของไทย พบร้อยละ 0.92 หรือประมาณเกือบ 1 คนต่อ 100 คน ขณะที่อิตาลี ตรวจพบร้อยละ 7.63 ซึ่งตัวเลขน้อยจะดีกว่าตัวเลขมาก เพราะแสดงถึงความสามารถในการนำกลุ่มคนที่ไม่มีโอกาสติดเชื้อเข้ามาตรวจได้มากกว่า มีกลุ่มที่ตรวจสอบได้กว้าง และเป็นตัวเลขที่ดีกว่าสิงคโปร์ที่ตรวจพบร้อยละ 11.39 ทั้งนี้ สถิติของห้องปฏิบัติการมีการตรวจสอบเป็นระยะ เพื่อให้อยู่ในมาตรฐานระดับโลกที่น่าเชื่อถือได้  ซึ่งจะต้องตรวจตัวอย่างเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น ประชาชนที่คิดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง สามารถขอรับการตรวจได้

โฆษก ศบค. รายงานสถานการณ์ข่าวที่น่าสนใจในต่างประเทศและในประเทศไทยว่า วัคซีนของคนไทยที่คาดว่าจะได้ใช้ในปีหน้าโดยคนไทยทำเองนั้น  ขณะนี้อยู่ในขั้นทดสอบในสัตว์คือหนู และเตรียมใช้กับลิงในสัปดาห์หน้า รายงานระบุว่าวัคซีน mRna ทางศูนย์วิจัยวัคซีนของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประสบความสำเร็จในหนูทดลอง และกำลังเตรียมทดสอบในลิงสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เผยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อให้คนไทยและประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่มีวัคซีนใช้อย่างเพียงพอ ขอชื่นชมนักวิทยาศาสตร์ไทยสำหรับความคืบหน้าในเรื่องวัคซีนดังกล่าวด้วย

นอกจากนี้ยังมีข่าวระบุว่า คนไทยแชมป์ใส่หน้ากากและล้างมือในอาเซียน โดยบริษัท YouGov จากประเทศอังกฤษเปิดเผยการสำรวจพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด-19 ของประชาชนใน 6 ประเทศ กลุ่มอาเซียน สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซียและประเทศไทย ในกลุ่มตัวอย่างประมาณ 13,000 กว่าราย พบว่าคนไทยมีพฤติกรรมการใส่หน้ากากอนามัยและการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์สูงสุดในอาเซียน ถึงร้อยละ 95 โดยใส่หน้ากากอนามัยในช่วงเวลารอบ 7 วันที่ผ่านมาและล้างมือถึงร้อยละ 89 ขณะที่ประเทศอื่น ๆ น้อยกว่าไทย

รายงานข้อมูลสรุปการใช้งาน www.ไทยชนะ.com  ยอดสะสมตั้งแต่เริ่มโครงการ มีร้านค้าลงทะเบียน 67,904 ร้าน ผู้ใช้งาน 5,077,0978 คน แบ่งจำนวนการเข้าใช้งานออกเป็น เช็คอิน 8,584,803 ครั้ง เช็คเอ้าท์ 6,359,921 ครั้ง และการประเมินร้านค้า 3,984,691 ครั้ง โดย 10 จังหวัด ผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนร้านค้าสูงสุด ได้แก่ 1. กรุงเทพมหานคร 2. ชลบุรี 3. นนทบุรี 4. สมุทรปราการ 5. ปทุมธานี 6. เชียงใหม่ 7. นครราชสีมา 8. ภูเก็ต 9. ขอนแก่น และ 10. สุราษฎร์ธานี ตามลำดับ

ผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนร้านค้าสูงสุด 10 ประเภทกิจการ ได้แก่ 1. ร้านอาหาร/เครื่องดื่มฯ 2.  ห้างสรรพสินค้าฯ 3. ซูเปอร์มาร์เก็ตฯ 4. ธนาคาร 5. การให้บริการ 6. การจำหน่ายสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค 7. คลินิกเสริมความงาม/ร้านเสริมสวย 8. ร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม 9. สินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต  และ 10. ร้านขายยา 661 ร้าน ตามลำดับ ขณะที่ร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยคาดว่ามีมากกว่า 11,156 ร้าน จึงขอเชิญชวนให้ผู้บริหาร ผู้ประกอบการ ลงทะเบียนเพื่อเป็นระบบป้องกันพี่น้องประชาชนให้มากขึ้น

ผู้รับบริการเข้าใช้บริการสูงสุด 10 ประเภทกิจการ ได้แก่ 1. ห้างสรรพสินค้าฯ 2. ซูเปอร์มาร์เก็ตฯ 3. ร้านอาหาร/เครื่องดื่ม 4. ธนาคาร 5. การจำหน่ายสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค 6. การให้บริการ 7. ร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม 8. สินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต 9. ฟิตเนสฯ และ 10. ที่ทำการของรัฐและรัฐวิสาหกิจ ตามลำดับ

สำหรับ 10 ประเภทกิจการ ที่ผู้รับบริการประเมินร้านค้า ได้แก่ 1. ร้านอาหาร/เครื่องดื่มฯ 2. ห้างสรรพสินค้าฯ 3. ซูเปอร์มาร์เก็ตฯ 4. ธนาคาร 5. การให้บริการ 6. การจำหน่ายสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค 7. ร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม 8. คลินิกเสริมความงาม/ร้านเสริมสวย 9. สินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต และ 10.ร้านขายยา ตามลำดับ ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือ

โฆษก ศบค. เผยจำนวนชุดตรวจตามมาตรการผ่อนคลาย โดยศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ซึ่งมีการวางกำลังชุดตรวจตามมาตรการหลัก แบ่งออกเป็น ชุดตรวจร่วม 90 ชุดตรวจ ชุดตรวจทั่วไป 2,081 ชุดตรวจ และชุดตรวจส่วนกลาง 148 ชุดตรวจ โดยชุดตรวจอื่น ๆ ได้แก่ ชุดตรวจตามมาตรการเสริม จะมี กรุงเทพมหานคร ศูนย์ปฏิบัติการจังหวัด ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ ศูนย์ปฏิบัติการตำบล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้รับผิดชอบ และชุดตรวจเฉพาะ (ตรวจตามคู่มือ) จะมีกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รับผิดชอบ โดยผลการตรวจ วันที่ 19 พฤษภาคม 63 ได้ทำการตรวจทั้งหมด 17,588 แห่ง ไม่ปฏิบัติ 5 แห่ง ซึ่งหากไม่ปฏิบัติการตามมาตรการจะมีการตักเตือน แนะนำ ตรวจซ้ำ และปิดกิจการ ปฏิบัติไม่ครบ 1,863 แห่ง โดยพบผู้ปฏิบัติไม่ครบ ได้แก่ กองถ่ายร้อยละ 20 สถานออกกำลังกายร้อยละ 16.5 ร้านตัดผมร้อยละ 13.9 ห้องสมุดร้อยละ 12.9 โดยมีเหตุของการปฏิบัติไม่ครบ ได้แก่ การเว้นระยะห่างร้อยละ 45.6 จำนวนผู้ใช้บริการร้อยละ 17.4 การใช้เจลแอลกอฮอล์ร้อยละ 15.2 โฆษก ศบค. แนะนำให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันให้ครบทั้ง 5 ข้อ จะได้ปลดล็อคในระยะที่ 3 – 4 ต่อไป

สำหรับรายงานผลจากการปฏิบัติการจากการประกาศมาตรการเคอร์ฟิวประจำวันที่ 20 พฤษภาคม 63 โดยศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงพบว่า มีผู้กระทำความผิดกรณีชุมนุมมั่วสุม 26 ราย ลดลง 11 ราย ผู้กระทำความผิดกรณีออกนอกเคหสถาน 301 ราย ลดลง 13 ราย โดยเหตุของการชุมนุมมั่วสุม 3 ลำดับแรกคือ ดื่มสุราร้อยละ 85 ลักลอบเล่นการพนันร้อยละ 11 และอื่น ๆ ร้อยละ 4

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า