ศบค.เผยมีทหารต่างชาติเดินทางเข้ามาฝึกร่วมกับกองทัพบกช่วง 1-2 วันนี้รวม 110 นาย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ของไทยวันนี้มี 3 รายเดินทางมาจากต่างประเทศ
วันที่ 3 ส.ค. 2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันพบว่าไทยติดเชื้อเพิ่ม 3 คน รวมสะสม 3,320 คน, หายป่วยเพิ่ม 0 คน รวมสะสม 3,142 คน, กำลังรักษาเพิ่ม 3 คน รวมสะสมใน รพ. 130 คน ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตยอดสะสมคงที่ 58 คน
นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยว่าในวันนี้และพรุ่งนี้จะมีเที่ยวบินพิเศษนำกำลังพลทหารสหรัฐอเมริกาเข้ามาร่วมการฝึกในประเทศไทย โดยเข้ามาแล้ววันนี้ 71 นาย เป็นทหารสหรัฐอเมริกาเดินทางจากกวม เครื่องบินเช่าเหมาลำเที่ยวบิน OAE6555 ลงที่สนามบินอู่ตะเภา และได้ผ่านการคัดกรองตามมาตรการของ ศบค.อย่างเข้มงวดโดยทั้งหมดเข้าพักที่โรงแรมConrad (คอนราด) ซึ่งเป็นสถานที่กักแบบ Alternative State Quarantine (ASQ) และช่วงเย็นจะมีทหารจากญี่ปุ่น 32 นายเดินทางมาจากโยโกตาโดยกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา RCH-552 มาถึงสนามบินอู่ตะเภา เตรียมเข้า ASQ ที่โรงแรม Anantara Siam และพรุ่งนี้จะมีทหารจากญี่ปุ่นอีก 7 นายมายังสนามบินอู่ตะเภาเข้าพักใน ASQ ที่โรงแรม Anantara Siam และโรงแรม The Idel
โฆษก ศบค. กล่าวว่าในรายละเอียดต่างๆ กองทัพบกจะเป็นผู้ชี้แจง
คุมเข้มแรงงานต่างด้าว 3 ประเทศกลับไทย
เมื่อถามว่าสถานการณ์โควิด-19 เพื่อนบ้านกำลังแพร่ระบาด ขณะที่แรงงานต่างด้าว 3 ประเทศกำลังจะเข้าไทยมีมาตรการดูแลอย่างไร
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มีการหารือร่วมกับกระทรวงแรงงานถึงการนำแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติเข้ามาโดยกระทรวงสาธารณสุขยืนยันจะต้องตรวจคัดกรองกันตั้งแต่หน้าด่านหากพบติดเชื้อโควิด-19 จะไม่ให้เข้าประเทศไทยเด็ดขาด ล่าสุด ศบค.ได้ออกมาเป็นคำสั่งลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
นพ.ทวีศิลป์ ยอมรับว่าสิ่งที่เป็นกังวลตอนนี้คือแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมือง อาจนำโควิดเข้ามาด้วย จึงอยากจะขอความร่วมมือประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดน ช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้ทางราชการหากพบเห็นมีกลุ่มแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทยโดยผิดกฎหมายสามารถแจ้งทางราชการได้ทันที
ส่วนการพิจารณาอนุญาตให้สนามโค สนามชนไก่ สนามกัดปลา หรือสนามแข่งขันอื่นในลักษณะทำนองเดียวกัน ให้เป็นดุลยพินิจของผู้ว่ากรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการจังหวัด ตามความมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ (ฉบับที่ 13) ข้อที่ 3 ให้มีอำนาจในเปิดดำเนินการและให้บริการได้ตามความเหมาะสม โดยแต่ละจังหวัดจะมีคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) ทำหน้าที่เหมือน ศบค. ประจำจังหวัด กระจายอำนาจสู่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ตำบลต่าง ๆ เพื่อความรวดเร็วในการควบคุมดูแลกิจการ/กิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลาย ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม โฆษก ศบค. กล่าวเพิ่มเติมว่า เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จะทำหน้าที่ดูแลการผ่อนคลายกิจการ/กิจกรรมในภาพรวม เพื่อแก้ไขปัญหาการดำเนินงานต่าง ๆ
โฆษก ศบค. ชี้แจงถึงการเปิดการเรียนการสอนตามปกติ ของโรงเรียนกว่า 4,500 แห่งทั่วประเทศที่อยู่ภายใต้สังกัด สพฐ. สำนักงานพระพุทธฯ และโรงเรียนเอกชนว่า โรงเรียนบางแห่งมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ มีความแออัดของชั้นเรียน จึงยังต้องหารือกันในรายละเอียด เพื่อสร้างความมั่นใจการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในโรงเรียน ขณะเดียวกันกระทรวงศึกษาธิการ จะพิจารณาหนทางเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผู้ปกครองและบุคลากรทางด้านการศึกษาโดยเร็วที่สุด