สิ้นใจแล้ว ลุงวัย 68 ปี หลังรักษาอาการป่วยนาน 40 วัน จากเหตุถูกงูเห่ากัดเมื่อเดือนก่อน แต่แพทย์ไม่ฉีดเซรุ่ม กลับให้ยาธาตุน้ำขาวดื่มแก้ปวดท้อง ก่อนฉีดเซรุ่มใน 4 วันถัดมา ญาติเผยยอมเจรจาเพราะไม่มีเงินสู้คดีความ
วันที่ 10 ส.ค. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัดห้วยยอด อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นางสุพิศ ทองแท้ อายุ 49 ปีพร้อมน้องสาวและญาติ ๆ ได้จัดพิธีรดน้ำศพของนายจำรัส อายุ 68 ปี ซึ่งเสียชีวิตลงวานนี้(9 ส.ค. 62) เวลาประมาณ 12.56 น. โรงพยาบาลตรัง โดยทางทีมแพทย์ได้ระบุถึงสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้มาจาก “โรคติดเชื้อแทรกซ้อนจากแผลงูกัด เป็นเหตุทำให้เสียชีวิต” ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าอาลัย
ก่อนหน้านี้ นายจำรัส ถูกงูเห่าฉกเข้าที่เหนือตาตุ่มขวา เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 62 ที่ผ่านมา แล้วญาตินำตัวส่งโรงพยาบาลห้วยยอด โดยตีงูเห่าตัวดังกล่าวจนตาย พร้อมนำมาให้แพทย์ แต่แพทย์ไม่ยอมดู และไม่ได้ฉีดเซรุ่มแก้พิษงูให้กับนายจำรัส ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ โดยให้เหตุผลว่านายจำรัสไม่มีข้อบ่งชี้ว่าถูกงูกัด เช่น ไม่มีอาการง่วงซึม หรือตาเบลอ จึงทำแค่ล้างแผลและให้ยาฆ่าเชื้อ แต่ระหว่างที่นอนรอดูอาการนายจำรัสเกิดปวดท้องแต่แพทย์กลับให้ยาธาตุน้ำขาวมาดื่ม จนกระทั่งวันที่ 4 ก.ค. 62 นายจำรัส เกิดอาการทรุดหนัก บาดแผลที่ถูกงูกัดเริ่มเปื่อย เนื้อรอบบาดแผลเริ่มตายเป็นวงกว้าง แพทย์จึงไปเบิกเซรุ่มมาฉีดให้และนำตัวส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลตรังในวันเดียวกัน ก่อนจะตัดแต่งเนื้อที่เน่าเปื่อยออกไป แต่อาการนายจำรัสฯ เริ่มทรุดลงเรื่อย ๆ ก่อนจะเสียชีวิตลงเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (9 ส.ค. 62) รวมเวลารักษาตัวอยู่นานถึง 40 วัน
ต่อมา เวลาประมาณ 18.00 น. นางพจนา วงศ์สว่างศิริ หัวหน้าพยาบาลโรงพยาบาลห้วยยอด พร้อมด้วยนายสมัคร ตันกุลโรจน์ ประธาน อสม.อำเภอห้วยยอดและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลห้วยยอด ได้เดินทางมารดน้ำศพในฐานะตัวแทนของผู้อำนวยการโรงพยาบาลห้วยยอด โดย นางพจนา วงศ์สว่างศิริ หัวหน้าพยาบาลฯ กล่าวเพียงสั้นๆว่า ท่าน ผอ.ติดราชการที่กรุงเทพฯ ตนมาในนามคนรู้จักกันและรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเฝ้าติดตามตั้งแต่วันแรก ส่วน ผอ.หลังเสร็จภารกิจคงจะเดินทางมาด้วยตัวเอง
นางสุพิศ อายุ 49 ปี บุตรสาวของนายจำรัสผู้ตายกล่าวว่า ประธาน อสม.ห้วยยอดในฐานะคณะกรรมการการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้รับบริการตามมาตรา 41 จะใช้จัดการให้ แต่เบื้องต้นยังไม่ได้ตั้งตัวเลขไว้ คงต้องคุยกันอีกครั้งหลังเสร็จงานศพของบิดา แต่หากได้รับความเป็นธรรมและเงินเยียวยาตามความเหมาะสม ยืนยันว่าจะไม่ฟ้องหากไม่จำเป็น เนื่องจากต้องใช้เงินจำนวนมากและเสียเวลาขึ้นโรงขึ้นศาล อีกทั้งครอบครัวของตนก็ยากจน คงไม่มีปัญญาจะไปต่อสู้กับใคร