SHARE

คัดลอกแล้ว

งานวิจัยสหรัฐฯ แนะนำใช้วิธีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 สองทางจากลำคอและโพรงจมูก จะช่วยยืนยันการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนได้ดียิ่งขึ้น

เดอะนิวยอร์กไทมส์นำรายงานล่าสุดของโดยนักวิจัยชาวอเมริกันสองฉบับซึ่งยังไม่ได้มีการตีพิมพ์ลงบทวารสารด้านวิทยาศาสตร์ฉบับใดมาเผยแพร่ โดยชี้ให้เห็นว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน มักจะมีระดับไวรัสในจมูก ลำคอ และน้ำลาย แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้การทดสอบจากตัวอย่างสารคัดหลั่งที่ได้มาจากอวัยวะเพียงส่วนใดส่วนเดียว อาจมีความคลาดเคลื่อนในการระบุผลการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้ 

ผลจากการวิจัยดังกล่าว แนะนำว่าควรใช้วิธีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบผสมแทนที่จะตรวจจากสารคัดหลั่งจากเพียงอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดพลาดในการอ่านผลการตรวจ โดยอ้างอิงข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาในระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในครัวเรือนซึ่งมีการดำเนินการในพื้นที่นครลอสแองเจลิส ระหว่างวันที่ 23 พ.ย.-1 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนกำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ จากตัวอย่าง 228 คนที่มาจาก 56 ครอบครัวซึ่งเข้าร่วมในการวิจัยนี้ 

ระหว่างดำเนินการ ผู้เข้าร่วมการวิจัยจะต้องทำการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากจมูกและลำคอ รวมทั้งตัวอย่างจากน้ำลาย เพื่อมาทำการตรวจทดสอบและคำนวณปริมาณหรือระดับความเข้มข้นของเชื้อไวรัสในแต่ละตัวอย่างสารคัดหลั่งที่เก็บมาเป็นประจำทุกวันตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ 

รายงานฉบับแรกเน้นไปที่กลุ่มตัวอย่างจำนวน 14 คนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมการวิจัยในช่วงเวลาก่อนหรือเพิ่งเริ่มติดเชื้อโควิด-19 เพื่อให้นักวิจัยทำการศึกษาภาพรวมระยะแรกของการติดเชื้อ ผลปรากฏว่า พบความแตกต่างอย่างนัยสำคัญของผลการตรวจหาเชื้อไวรัสที่ได้มาจากสารคัดหลังจากอวัยวะแต่ละส่วนแม้ในบุคคลเดียวกัน โดยผู้เข้าร่วมการวิจัยส่วนใหญ่สามารถตรวจพบไวรัสได้ในน้ำลายหรือจากสารคัดหลั่งจากลำคอได้ก่อนที่จะตรวจพบจากการเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านจนไวรัสเข้าสู่โพรงจมูกและมีปริมาณมากขึ้น นักวิจัยพบว่าปริมาณไวรัสบริเวณโพรงจมูกจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าในลำคอหรือน้ำลาย แต่ข้อสรุปนี้ยังคงมีความแปรผัน เช่น ผู้ติดเชื้อบางรายอาจจะมีระดับปริมาณไวรัสในลำคอสูงตลอดในช่วงที่ยังคงมีเชื้ออยู่ในร่างกาย ขณะที่เชื้อที่อยู่บริเวณโพรงจมูกอาจมีปริมาณมากบ้างน้อยบ้างสลับกันไป หรือในบางรายอาจจะมีปริมาณไวรัสในจมูกสูงกว่าลำคออยู่ตลอดระยะเวลาที่ติดเชื้อมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ ซึ่งในความแปรผันนี้เอง นักวิจัยระบุว่า ทำให้ในช่วง 4 วันแรกของการติดเชื้อ ไม่มีวิธีการตรวจจากสารคัดหลั่งที่มาจากอวัยวะเพียงส่วนเดียววิธีใดที่สามารถยืนยันผลได้มากเกินกว่า 90% แม้จะเป็นวิธีการตรวจแบบ PCR ที่มีความไวสูงก็ตาม 

ส่วนในรายงานฉบับที่สอง นักวิจัยได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการทดสอบหาเชื้อด้วยชุดตรวจแอนติเจน Quidel QuickVue At-Home ของกลุ่มตัวอย่าง 17 คนที่มาเข้าร่วมการวิจัยตั้งแต่เริ่มพบเชื้อ โดยให้ทำการตรวจ ATK ด้วยอุปกรณ์ดังกล่าวไปพร้อมกับการเก็บสารคัดหลั่งจากโพรงจมูก ลำคอ และน้ำลาย ทุกวัน

ผลการศึกษาพบว่า แม้กลุ่มตัวอย่างจะมีปริมาณไวรัสมากพอที่จะตรวจพบเชื้อในสารคัดหลั่งจากอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งที่เก็บมา แต่จากการทดสอบแอนติเจนพบผลบวกเพียงแค่ 63% ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงช่องโหว่ด้านประสิทธิภาพของการทดสอบไวรัสจากโพรงจมูกเพียงที่เดียว ในขณะที่ผู้ป่วยอาจจะมีไวรัสจำนวนมากบริเวณอวัยวะส่วนอื่น

ทีมนักวิจัยยังเรียกร้องไปยังผู้ผลิตอุปกรณ์ทดสอบหาเชื้อโควิด-19 ให้ตระหนักถึงคุณสมบัติของอุปกรณ์ที่ออกมาแบบมาให้สามารถใช้ได้ทั้งในการตรวจหาเชื้อจากโพรงจมูกและลำคอ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอุปกรณ์บางยี่ห้ออาจจะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำได้เช่นนั้น และร้องขอไปยังบรรดาบริษัทรวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับผลวิจัยที่ออกมานี้ โดยชี้ว่าหากสามารถทำการทดสอบจากตัวอย่างผสมได้ อาจจะพบผู้ติดเชื้อได้มากขึ้นและเร็วกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า