‘สุทิน’ สรุปอภิปรายไม่ไว้วางใจ ‘ชวน’ ประธานสภานัดลงมติ 11 รัฐมนตรีรัฐบาล ‘ประยุทธ์’ 10 โมงเช้าพรุ่งนี้

‘สุทิน’ สรุปอภิปรายไม่ไว้วางใจ รับเสียงฝ่ายค้านไม่พอน๊อกรัฐบาลแต่เตือนให้ระวังในสนามเลือกตั้ง เปรียบชาวบ้านต้องการเปลี่ยน ‘โชเฟอร์’ 8 ปีถ้าไม่เก่ง เอาไปทิ้งได้แล้ว ขณะที่ ‘ชวน’ ประธานสภานัดลงมติ 11 รัฐมนตรีรัฐบาล ‘ประยุทธ์’ 10 โมงเช้าพรุ่งนี้

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ในวันสุดท้าย หลังเสร็จสิ้นการชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในประเด็นที่ฝ่ายค้านอภิปราย ขึ้นชี้แจงอีก 3 คน ประกอบด้วย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ที่ชี้แจงเรื่องการปรับขึ้นราคาค่าไฟฟ้า สอดคล้องค่าแก๊สธรรมชาติ ตามมาด้วย นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

จากนั้น จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้ใช้สิทธิ์ชี้แจงเรื่องการปรับราคาสินค้าต่างๆ รวมทั้งราคาพืชผลทางการเกษตรไม่ได้ตกต่ำอย่างที่ฝ่ายค้านกล่าวหา ซึ่งหลังจาก นายจุรินทร์ ชี้แจงจบ ทางด้าน ส.ส.ฝ่ายค้าน ไม่มี ส.ส. ที่จะอภิปรายอีกแล้ว นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน จึงเป็นผู้สรุปญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

อย่างไรก็ตามระหว่างนั้น นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมขณะนั้น ได้อนุญาตให้นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ชี้แจงที่ถูกพาดพิงเรื่องนโยบายกัญชาเสรี เกิดการประท้วงจาก ส.ส. หลายคน เนื่องจากตามปกติแล้วระหว่างการสรุปอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะไม่มีการชี้แจงได้อีก สุดท้ายนายศุภชัย ต้องสรุปว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกพาดพิง นายสุทิน จึงได้กล่าวสรุปข้อกล่าวหารัฐมนตรีไล่เรียงเป็นรายบุคคลตลอด 4 วันที่ผ่านมา ทั้ง 10 รัฐมนตรี จนจบที่ข้อกล่าวหาของ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี

ในตอนหนึ่ง นายสุทิน กล่าวถึงการที่นายกฯ ชี้แจงเรื่องกู้เงินมาจำนวนมากแต่ก็สามารถใช้หนี้ได้นั้นว่า เป็นการทำบัตรเครดิตใบใหม่มาใช้หนี้หรือไม่คือกู้ทุกปีที่ใช้หนี้ พร้อมทั้งกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยกมือยิ้มรับ เมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้ตัวกลางสภาว่า เป็นผู้รัฐประหารเพียงคนเดียว สะท้อนว่า พร้อมจะทำในสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตยใช่หรือไม่

ประธานวิปฝ่ายค้าน ยอมรับว่า มีบางคนดูแคลนว่าฝ่ายค้านสู้ไม่ได้ ทำแทบตายมือ (เสียงฝ่ายค้าน) เราก็สู้ไม่ได้ แล้วทำไมต้องทำ ซึ่งอภิปรายครั้งนี้ทุ่มเทไม่หลับไม่นอนกันด้วย ซึ่งที่ทำก็เพื่อสะท้อนเจตนารมณ์ชาวบ้าน ถ้าคนไหนว่าตนพูดเท็จ ก็ไม่ต้องเลือกตนในสมัยหน้า นายกฯ และฝ่ายรัฐบาล กระหยิ่มว่าไม่ชนะ ไม่ชนะก็ไม่เป็นไร ไม่ชนะฝ่ายค้านก็ไม่หวังชนะ แต่ที่ทำก็เพียงให้เห็นว่า แม้นายกฯ ไม่สร้างระบอบที่ดีไว้ แต่ฝ่ายค้านต้องธำรงระบบสภาให้แข็งแกร่ง ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ ชาวบ้านจะได้อุ่นใจว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล จะไปมั่วๆ ไม่ได้ จะไปโกงไม่ได้

ในตอนท้าย นายสุทิน ยังกล่าวด้วยว่า มีการเปรียบเทียบประเทศไทยเป็นรถยนต์ นายกฯ เป็นโชโฟอร์ แต่ชาวบ้านเป็นคนขับ แต่ตนขอเปรียบเทียบว่า วันนี้นายกฯ เป็นโชเฟอร์ติดหล่ม ชาวบ้านก็เข็นตลอด วันนี้เข็นจนหมดแรงขาอ่อน คนขับก็จะคอยเลี้ยวลงเหว จึงถึงจุดที่ขอเปลี่ยนโชเฟอร์ เพราะว่าโชเฟอร์คนก่อนๆ ชาวบ้านไม่ต้องลงมาเข็นรถตอนนี้มีแต่กระดูกซี่โครง อยากเปลี่ยนโชเฟอร์ และย้ำว่า แม้ฝ่ายค้านจะน๊อกไม่ได้ แต่ให้ระวังในสนามเลือกตั้ง ซึ่งผลโพลต่างๆ ที่คะแนนลดลง และการแพ้เลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมาๆ ได้เตือนแล้ว

“วันนี้สิ่งซึ่งชาวบ้านเขาอยากได้ก็คือ เขาอยากเปลี่ยนโชเฟอร์ ถ้าบอกว่า 8 ปี ยังไม่เก่ง ขอเวลาอีก 2 ปีนี่ ท่านจะไปเก่งปีไหนครับ แววของนักบริหาร มันจะออกปีที่ 9 เหรอ จุดสูงสุดของการเป็นนักบริหารท่าน มันจะเป็นปีที่ 10 เหรอมาตรฐานสากลเขา 2 สมัยไง 8 ปีไง… ถ้าเกินนี้ไม่เก่ง ก็ถือว่าเอาไปทิ้งแล้ว” นายสุทิน กล่าวตอนหนึ่ง

ทั้งนี้ ระหว่างการกล่าวสรุปญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุทิน ยังได้แจ้งผลการโหวตคู่ขนานสภา จากที่นักวิชาการ 4 มหาวิทยาลัย จับมือกับสถานีโทรทัศน์ดิจิทัล 4 ช่อง รวมทั้งที่กลุ่มราษฎร มาจัดกิจกรรมแคมป์ปิ้ง 4 วัน ที่ด้านหน้าอาคารรัฐสภา ต่อที่ประชุมสภาด้วย และสรุปจบในเวลาประมาณ 22.31 น.

จากนั้น นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมในขณะนั้น ได้นัดลงมติญัตติอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ในวันที่ 23 ก.ค. 65 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. และสั่งปิดประชุม