ยอดขายถุงยางอนามัยโตกว่า 20% หลังชาวอเมริกันฉีดวัคซีน-เริ่มคลายล็อกดาวน์

ถุงยางอนามัยเริ่มกลับมาขายดีอีกครั้ง หลังประสบปัญหายอดขายตกในช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนัก ผลจากชาวอเมริกันจำนวนมากได้ฉีดวัคซีน และเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม 

วันที่ 1 พ.ค. 2564 ซีเอ็นเอ็นรายงานข้อมูลจากการสำรวจของ IRI ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดในสหรัฐฯ พบว่า ในช่วง 4 สัปดาห์นับจนถึงวันที่ 18 เม.ย. ยอดขายถุงยางอนามัยในตลาดสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นแตะ 37 ล้านดอลลาร์ หรือโตขึ้น 23.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว    

ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับการเปิดเผยของ เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (Reckitt Benckiser) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าสุขภาพสัญชาติอังกฤษ เจ้าของแบรนด์ถุงยางอนามัยดูเร็กซ์ ซึ่งออกมาระบุเมื่อวันพุธ (28 พ.ค.) ว่า ดูเร็กซ์มียอดขายเพิ่มขึ้นในอัตราสองหลักช่วงไตรมาสล่าสุด 

แม้ดูเร็กซ์จะไม่ได้ระบุยอดขายออกมาเป็นตัวเลขที่ชัดเจน แต่ก็ชี้ลงไปว่าสาเหตุที่ทำให้ยอดขายโตขึ้นในครั้งนี้เป็นผลมาจากการผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เกิดขึ้นล่าสุด

ลักซ์แมน นาราซิมฮัน ซีอีโอของ เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ กล่าวว่า “เรากำลังเริ่มเห็นการฟื้นตัวในตลาดที่มีการผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม” 

ด้าน Walgreens และ CVS ซึ่งเป็นเชนร้านขายยารายใหญ่ของสหรัฐก็ออกเปิดเผยข้อมูลในทำนองเดียวกันว่า ในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ร้านมียอดขายถุงยางอนามัยเพิ่มขึ้น โดย CVS ถึงกับระบุว่า เป็นการเติบโตขึ้นอย่างมาก แม้จะไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม