เปิดรอยร้าว ก้าวไกล-เพื่อไทย สุดท้ายรัฐบาลอาจชิงความได้เปรียบ

เจ็ดพรรคขั้วฝ่ายค้านที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยต้านเผด็จการนั้น เวลานี้คล้ายว่าจะสลายการจับมือกันไปชั่วคราวจากประเด็นการเเก้ไขรัฐธรรมนูญ

พรรคเพื่อไทยและห้าพรรคที่เหลือ เลือกเดินเกมในจังหวะหนึ่งที่ไม่ก้าวตามเยาวชนและมวลชนปลดแอก พรรคก้าวไกลเเละคณะก้าวหน้าที่ดับเครื่องชนพรรคเพื่อไทยเเบบจังเบอร์ เพราะคนเลือดหนุ่มสาวยังเน้นแก้กติกาหลักในหมวด 1 และหมวด 2 โดยเฉพาะเรื่องการปิดสวิตช์ ส.ว. ซึ่งพรรคเพื่อไทยเห็นว่า ควรปล่อยเป็นกระบวนการของ ส.ส.ร.จะดีกว่า เเละไม่ควรไปแตะหมวด 1 เเละหมวด 2

อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ก้าวไกล vs เพื่อไทย ความแตกต่างในจุดร่วมเดียวกัน

เเม้จะยืนในเเนวรบเดียวกันเเต่มุมมองการเข้าโจมตีมีสองด้านจากเเม่ทัพคนละกอง มันย่อมยากที่จะชิงศึกนี้ให้ได้ชัยชนะ เพราะเวลานี้คนวัยหนุ่มสาวออกรบ โดยวางเกมกลเสมือนการทุบหม้อข้าวตีเมืองจันท์เพราะพวกเขามองว่าภารกิจที่คสช.วางกลไกไว้ทุกอย่างต้องยุติทันที โดยปฐมบทต้องเเก้กติกาหลักเสมือนการสืบทอดอำนาจต้องหมดไปในบัดดล

แต่มวยเจนเวทีอย่างพรรคเพื่อไทย ที่มีประสบการณ์เลวร้ายมาหลายคราว (ยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน โดนยึดอำนาจสองครั้ง เสียดุลในการตั้งรัฐบาลให้พรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำรัฐบาลโดนขบวนการนกหวีดขับไล่ เเละต้องคคีหลายกระทง) มองเกมออกว่า จังหวะไหนควรชก จังหวะไหนควรชิ่ง หากปะทะซึ่งหน้าเเบบไม่ดูเชิงมวยคู่ต่อสู้ ย่อมเสียเปรียบในทันควัน

ตรงนี้เองที่สองเเม่ทัพใหญ่ขั้วตรงข้ามรัฐบาลมองเกมศึกเเตกต่างเเละเสมือนมีรอยร้าวให้ขั้วเรือเหล็กอุ่นใจระดับหนึ่ง

หากเพ่งลึกๆ ไปนั้น พรรคเพื่อไทยเเละพรรคก้าวไกลรวมทั้งคณะก้าวหน้า (พรรคอนาคตใหม่ในอดีต) คือคู่เเข่งที่ชิงฐานมวลชนเดียวกัน เเม้จะเเตกต่างตรงช่วยอายุของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เเต่ปรากฏการณ์สีส้มเมื่อ 26 มี.ค. 2562 ทำให้พรรคอันดับหนึ่งของประเทศที่มีสัดส่วนส.ส.มากสุดหลายสมัยต้องหวั่นใจ เพราะคนรุ่นใหม่เเละบางกลุ่มที่เคยฝากผีฝากไข้ไว้กับพรรคเพื่อไทยเเปรเสียงเเละเเรงต้องการไปยังปรากฏการณ์สีส้มเเทน

เพื่อไทย ศึกรอบด้านที่ต้องเผชิญไม่สิ้นสุด

แกนนำพรรคเพื่อไทย เช่นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคต้องสังคายนาระบบภายใน-ภายนอกพรรคใหม่หมดเพื่อปรับตัวให้ทันเกมอดีตพรรคเพื่อนบ้านบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่เเละเป็นจุดเเตกหักของเเกนนำในพรรคบางคนเพราะระบบความคิดเเละการวางตัวของคุณหญิงหน่อยกับขุนพลตึกชินวัตรเเตกต่างเเบบสิ้นเชิง จนเเยกไปตั้งกลุ่มเเคร์ขึ้นมา

อย่าลืมว่า บางปรากฏการณ์หลังบ้านระหว่างพรรคเพื่อไทยกับเเกนนำปรากฏการณ์สีส้มในวันวานที่ตอนนี้เเปรสภาพเป็นพรรคก้าวไกลเเละคณะก้าวหน้าเเล้วนั้น มึการหารือลับหลายคราว เเละหลากวาระตกลงกันไม่ได้

ก่อนหน้านี้จะเห็นว่าพรรคเพื่อไทยยอมทุกประตูให้ปรากฏการณ์สีส้ม เช่น คุณหญิงหน่อยถอนตัวการเป็นเเคนดิเดทนายกรัฐมนตรีเเละมอบให้ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประชันกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เเทน

และแน่นอนว่า พลเอกประยุทธ์ ได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ส. เเละ ส.ว. 750 คน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 โดยเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2562 เวลา 23.40 น. สมาชิกรัฐสภาโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่สองติดต่อกัน ด้วยคะแนน 500 : 244 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ประกอบไปด้วย ชวน หลีกภัย พรเพชร วิชิตชลชัย สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย สวนมติพรรค  ส.ส. ลา 1 ราย (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ) และ ธนาธร หยุดปฏิบัติหน้าที่

เก้าอี้ท้องถิ่น ศึกที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเผชิญ

การส่งผู้สมัคร ส.ส. ลงเลือกตั้งซ่อมหลายเขตที่พรรคร่วมฝ่ายค้านสลับกันส่ง-ไม่ส่ง เพื่อไม่ตัดโอกาสกันเอง  ล่าสุดพรรคร่วมฝ่ายค้านต่างส่งผู้สมัคร ส.ส. เเข่งขันในการเลือกตั้งซ่อมเขตห้า สมุทรปราการ เเต่สุดท้ายพรรคพลังประชารัฐคว้าสิทธิเหล่านี้ไปครองเเทบทุกสนาม

เมื่อย้อนไปชมปรากฏการณ์การยุบพรรคอนาคตใหม่ เเกนนำพรรคโดนตัดสิทธิหลายคน บรรดางูเห่าสีส้มจึงเลื้อยไหลไปสังกัดพรรคขั้วรัฐบาลเเทน จนปรากฏการณ์เสียงปริ่มน้ำเเละเหตุสภาล่มหายไปทันควัน เเละส่งผลให้พรรคร่วมฝ่ายค้านอ่อนเเอบนเกมการเมืองในทันที

และเมื่อเสียงปี่กลองการเลือกตั้งท้องถิ่นดังขึ้น คณะก้าวหน้าลุยทันทีเเบบไม่หารือเพื่อนร่วมทีม เเละมูลเหตุหนึ่งที่ทราบว่าพรรคเพื่อไทยกับเเกนนำพรรคก้าวไกลเเละคณะก้าวหน้าเคืองใจกันคือการส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.รวมทั้งเวทีท้องถิ่นอื่นๆ บางสนามที่ส่อเเววตัดเเต้มกันเอง

มีกระเเสข่าวว่า ‘คุณหญิงหน่อย’ เคยเจรจากับ ‘ธนาธร’ ในเรื่องนี้เเล้วเเต่ยังไร้ข้อสรุปเเละมีเเววว่าคงตกลงกันไม่ได้ จึงเป็นฟางเส้นสุดท้ายเเละต่างคนต่างเดินบนวิถีของตัวเอง

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

อย่าลืมว่าพรรคเพื่อไทยมีจุดอ่อนนี้อยู่เเล้วในสนามกทม. เพราะไม่เคยปักธงชัยบนเก้าอี้พ่อเมืองหลวงได้เลย (คุณหญิงหน่อยเเพ้สมัคร สุนทรเวช, ปวีณา หงสกุลเเละประภัสร์ สงวนพ่ายอภิรักษ์ โกษะโยธิน, ยุรนันท์ ภมรมนตรีเเละพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญเเพ้ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร) เเละเมื่อชัชชาติ สิทธิพันธุ์เปิดตัวลงสมัครชิงเก้าอี้ประมุขเสาชิงช้าเเบบอิสระไปก่อน เเม้พรรคเพื่อไทยจะง้อเเละส่งเทียบเชิญไปให้ใหม่เเต่ชัชชาติมิตอบรับเเบบนี้พรรคเพื่อไทยย่อมเสียเชิงเเละเมื่อไมตรีที่ทอดให้เหล่าคีย์เเมนปรากฏการณ์สีส้มไม่สำเร็จ

เเถมเจอเกมดับเครื่องชนในการชงเเก้กติกาหลักของพรรคก้าวไกลเเล้วนั้นมองคร่าวๆ เเล้ว ยากยิ่งที่การเเก้กติกาหลักจะอยู่ในรูปเกมของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เเม้กองหนุนนอกรัฐสภาจะไหลมาเพียบก็ตามเเต่ อย่าลืมว่าการเเก้กติกาหลักนั้นต้องใช้เสียงข้างมากของสมาชิกรัฐสภาลงมติ  เเต่กลเกมของพรรคก้าวไกลเเละคณะก้าวหน้าต้องการลบบางปรากฏการณ์ทึ่เขียนไว้ในกติกาหลักให้มีผลในเดือนก.ย.ทันทีนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลย เว้นเเต่จะมีบางคนฉีกกติกาหลัก

ยิ่งบาดแผลระหว่างคนเลือดหนุ่มสาว พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยฝังลึกเท่าไหร่สุดท้ายพรรคพลังประชารัฐเเละพลเอกประยุทธ์มีโอกาสจะเดินสามต่อเข้าฮอสเเละปิดหมากการเมืองกระดานนี้ไปเพียวๆ ได้เช่นกัน