ทนายวันชัย เสนอแก้รัฐธรรมนูญตัด ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ ชี้บริบทเปลี่ยน

จากกรณีที่กลุ่มนักเรียน นักศึกษาชุมนุมให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ข้อเรียกร้อง ร่วมกับการให้รัฐบาลยุบสภาและหยุดคุกคามประชาชน ขณะที่รัฐบาลและพรรคการเมืองต่างๆ แสดงท่าทีตอบรับ ก่อนที่การแถลงเปิดตัว คณะประชาชนปลดแอก เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ยังได้เพิ่มข้อเรียกร้องให้ สมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 คนลาออกด้วย

วันที่ 8 ส.ค. 2563 นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา แสดงความเห็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญว่า เป็นที่แน่ชัดว่าทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน มีแนวทางตรงกันว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ เพียงแต่ละฝ่ายจะมีเงื่อนไขบางเรื่องบางประเด็นและระยะเวลาเท่านั้น นั่นก็หมายความว่าเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญคงไม่ใช่เงื่อนไขที่จะเป็นปัญหาอีกต่อไป

“เรายังมีเรื่องอื่นอีกเยอะที่ยังเห็นไม่ตรงกัน แต่เรื่องรัฐธรรมนูญทุกฝ่ายมีเป้าหมายตรงกันว่าจะต้องแก้ ก็รีบเดินหน้าไปเลยเพื่อจะได้ลดความขัดแย้งลงไปเปราะหนึ่ง อย่างที่ผมว่ามาแล้วไม่ต้องแก้ทั้งฉบับหรอก รัฐบาล ฝ่ายค้านและ ส.ว.รวมทั้งฝ่ายอื่นๆ มีประเด็นมีปัญหาอะไรต้องการแก้ตรงไหนว่ากันมาเลย เอากันให้ชัดๆตรงๆไม่ต้องอ้อมค้อม เมื่อเห็นตรงกันก็เดินไปเลยจะได้เร็ว จะได้เห็นผลทันต่อสถานการณ์ ไม่ใช่ปล่อยไว้ให้เป็นระเบิดเวลา เพราะตอนนี้ดูๆแล้วสถานการณ์กำลังแรงขึ้น ขืนชักช้าอาจไม่ทันแก้ก็ได้ ดังนั้นอะไรทำได้รีบทำเสียก่อนที่จะสายเกินแก้”

นายวันชัย เปิดเผยด้วยว่า มีคนถามตนมาเยอะว่าถ้าจะแก้จะเสนอในส่วนใด ในฐานะส่วนตัว คือเรื่องโหวตนายกรัฐมนตรี เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว และความเป็นจริงที่ ส.ว.โหวตให้ก็เพราะผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี มีเสียง ส.ส.สนับสนุนเกินกว่ากึ่งหนึ่ง รวมทั้งการที่รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเสียง ส.ส. ไม่ใช่ ส.ว. ดังนั้น ถ้าจะแก้ส่วนนี้ตนเห็นด้วย

“ในสถานการณ์ตอนนั้นเราคิดว่าน่าจะใช่ เพื่อเอารัฐสภามาร่วมด้วยช่วยกันในระยะเปลี่ยนผ่าน แต่ ณ วันนี้และความเป็นจริงเห็นแล้วว่าการที่ส.ว.จะโหวตให้ใครเป็นนายกฯ เขาก็ต้องมีเสียงในสภาผู้แทนราษฎรเกินกว่ากึ่งหนึ่ง เราจึงโหวตให้ ถ้ามีเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งขืนโหวตให้ ส.ว.ก็คงเสียผู้เสียคน และการดำรงอยู่ของรัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ได้ก็อยู่ที่เสียงของสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้เกี่ยวกับเสียงของส.ว.เลย อย่างที่เห็นอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้นี่แหละ ใครจะเป็นรัฐบาลก็ต้องมีเสียงเกินกว่า 250 เสียง ส.ว.ไม่ได้ไปกำหนดอะไรได้เลย”

“เมื่อสถานการณ์และความจริงเป็นเช่นนี้ ทั้งเรามีเป้าหมายตรงกันเพื่อความเป็นประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ถ้าจะแก้ในส่วนนี้ ผมเห็นด้วยและไม่ขัดข้องด้วยข้อเท็จจริงและบริบทที่เปลี่ยนไป และลดปัญหาดับไฟแห่งความขัดแย้งของประเทศ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องหวงอำนาจหรือผลประโยชน์อื่นใด อย่างที่ว่าเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง”

ส่วน กรณีของ การกำหนดให้ผู้นำเหล่าทัพ เป็น ส.ว.โดยตำแหน่ง 6 คน นายวันชัย เสนอให้แก้ไขเช่นเดียวกัน เพราะมองว่าเป็นการสร้างภาระและสร้างปัญหาให้กับท่านเหล่านั้นที่มีตำแหน่งหน้าที่และความรับผิดชอบมากมายเกินกว่าที่จะมาร่วมประชุมได้ รวมทั้งเรื่ององค์กรอิสระ ทั้งคุณสมบัติและกระบวนการสรรหาก็น่าจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เพราะบางองค์กรกว่าจะหาได้ก็ยากลำบาก หาคนมาสมัครยาก หรือยังหาไม่ได้จนกระทั่งทุกวันนี้ ซึ่งทำให้จำต้องเลือกเพราะหาตัวเลือกไม่ได้

“คนอื่นอาจจะเห็นประเด็นเห็นปัญหามากกว่านี้ก็ได้ ก็อย่างที่ว่านั่นแหละคนร่างไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ร่าง และเมื่อใช้มาแล้วเห็นปัญหาและเป็นประเด็นของความขัดแย้งก็จัดการแก้ไขมันซะ ไม่เห็นจะเสียหายอะไร และไม่มีใครได้หน้าเสียหน้า มีแต่ความสงบเรียบร้อยและความรักความสามัคคีของประชาชนในประเทศ ถือว่าดับไฟแห่งความขัดแย้งไปได้กองหนึ่ง ดีกว่าที่จะปล่อยให้มันลุกลามเป็นเรื่องราวใหญ่โต ไหม้ประเทศ ไหม้ประชาชนต่อไป”

ทั้งนี้ นายวันชัย สมัยที่เป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คือ ผู้ที่เสนอคำถามพ่วงที่ว่าให้ ส.ว.ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย ในการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=3314901138552851&id=212422832134046