วันที่ 1 พ.ค. 63 เดลี่เมลรายงานว่า สำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ (ODNI) กล่าวในแถลงการณ์ว่า ชุมชนข่าวกรองของสหรัฐฯ เห็นด้วยกับมติส่วนใหญ่ของนักวิทยาศาสตร์ว่าไวรัสโควิด-19 ไม่ได้ถูกสร้างหรือดัดแปลงพันธุกรรมโดยมนุษย์
โดยทางสำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติกล่าวว่า เบื้องต้นกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าไวรัสเกิดขึ้นจากห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่นของจีนจริงหรือไม่ แม้ว่าข่าวลือดังกล่าวจะถูกปฏิเสธจากในหมู่นักวิทยาศาสตร์หลายต่อหลายครั้งก็ตาม ทั้งนี้ทางกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปเชื่อว่าไวรัสแพร่ระบาดข้ามจากสัตว์มาสู่มนุษย์ด้วยวิถีทางธรรมชาติ อันเกี่ยวข้องกับการเกษตร, การล่าสัตว์ หรือการเคลื่อนย้ายสัตว์ป่า
ทั้งนี้ทางหน่วยงานข่าวกรองเชื่อว่าคงจะไม่พบหลักฐานใดที่จะสามารถเชื่อมโยงไปถึงความพยายามปรับแต่งพันธุกรรมของไวรัสในห้องปฏิบัติการ นอกจากนี้ทางหน่วยงานข่าวกรองได้คาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ในการแพร่ระบาดครั้งนี้ไว้ 2 ทาง คือ ไวรัสโควิด-19 เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและแพร่กระจายในตลาดขายเนื้อสัตว์ในเมืองอู่ฮั่นก่อนที่จะแพร่ระบาดมาสู่คนเช่นเดียวกับกรณีของเชื้อเอชไอวี (HIV) อีโบลา (Ebola) และโรคซาร์ส (SARS) หรือไม่ก็อาจเกิดจากเชื้อไวรัสที่หลุดออกจากห้องปฏิบัติการที่ใช้เพื่อวิจัยมนุษย์ในเมืองอู่ฮั่นโดยบังเอิญ
โดยเมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา ทางนิวยอร์กไทมส์ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ทั้งในอดีตและปัจจุบันว่า เจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสของทรัมปได้เร่งให้สำนักข่าวกรองหาหลักฐานเพื่อสนับสนุนทฤษฎีที่ไม่มีมูลว่าห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่นเป็นต้นตอของการระบาด ขณะที่ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงกลุ่มผู้สนับสนุน กล่าวว่าพบหลักฐานเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เริ่มต้นขึ้นที่ห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ของสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น
โดยทางประธานาธิบดี ทรัมป์ ยังได้กล่าวอีกว่า ตนได้เสนอให้รัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาดำเนินมาตรการลงโทษจีนในฐานะที่เป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ด้วยการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์