เปิดรายชื่อนายทหารงาบหัวคิว 5% กู้เงินซื้อบ้านสวัสดิการ ทบ. ของกำลังพล

ผู้ประกอบการแฉมีนายทหารระดับสัญญาบัตรและนายพล เอี่ยวหักหัวคิว 5% กู้เงินสวัสดิการ ทบ. สร้างบ้านกำลังพล พร้อมยื่นหลักฐานและรายชื่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดให้กระทรวงกลาโหมตรวจสอบ คาดความเสียหายไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท

จากกรณีมีผู้เสียหายเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากทนายความว่า หลังถูกนายทหารยศใหญ่ข่มขู่ เนื่องจากรู้ความลับเกี่ยวกับการกู้เงินสวัสดิการกองทัพบก เพื่อซื้อบ้านของกำลังพล โดยมีเจ้าหน้าที่บางส่วนเรียกเก็บค่าหัวคิว 5% จากวงเงินกู้

ล่าสุดวันนี้ (19 ต.ค. 2565) นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ นำผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากโครงการกู้ซื้อบ้านสวัสดิการ กองทัพบก เดินทางมายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.กลาโหม ในฐานะกำกับดูแลกองทัพบก เพื่อขอให้ตรวจสอบโครงการกู้สวัสดิการกองทัพบก เพื่อที่อยู่อาศัยของกำลังพล หลังมีผู้ประกอบการที่สร้างบ้านขายให้กับกำลังพลได้รับความเสียหาย และพบความไม่ชอบมาพากลการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมกองทัพบก 5%

ทนายความ ระบุว่า กองทัพบกได้ชี้แจงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกองทัพบกได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงระดับกองทัพบก ผลการสอบสวนได้เสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว ซึ่งมีบทลงโทษตามระเบียบของทางราชการ และวินัยทหารต่อกำลังพลที่ถูกร้องเรียน งดบำเหน็จประจำปี การปรับย้ายออกจากตำแหน่ง

ทางกองทัพบกได้มีคำสั่งให้ระงับโครงการกู้เงินนี้ตั้งแต่ปี 2564 พร้อมปรับระบบกิจการออมทรัพย์ของกองทัพบกในภาพรวมด้วย อีกทั้งจากการสอบสวนพบประเด็นการกู้ยืมเงินระหว่างผู้ร้องกับกำลังพลที่ถูกร้องเรียนด้วย ถือเป็นข้อพิพาทส่วนบุคคล และปัจจุบันอยู่ในกระบวนการของศาลแล้ว ซึ่งจะต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

นายไพศาล ตั้งข้อสังเกตว่า หากกองทัพบกได้ระงับโครงการแล้วตั้งแต่ปี 2564 แต่พยานหลักฐานที่ได้รับ มีการเรียกรับผลประโยชน์ 5% ในปี 2565 และที่กองทัพบกตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงพบว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ นั่นหมายความว่า มีคนทำผิดสำเร็จแล้ว มีการลงโทษตามระเบียบราชการ แต่เหตุใดบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้ง 48 ราย ยังได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง ตั้งแต่ปี 2563 หากได้ลงโทษจริง เป็นไประเบียบการลงโทษข้าราชการที่ทำการทุจริตหรือไม่

เมื่อทหารในสังกัดทำความผิดสำเร็จแล้วและความเสียหายที่เกิดขึ้นที่ผู้ประกอบการสร้างบ้านขายทั้ง 2 คนที่ต้องจ่าย 5% อ้างว่าเป็นค่าธรรมเนียมของกองทัพบกและหลังจากการตรวจสอบพบว่าไม่มีการเรียกเก็บค่าดำเนินการในส่วนนี้ 2554 – 2563 มูลค่าไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาทมีการชดใช้ค่าเสียหายในส่วนนี้ให้กับผู้ประกอบการอย่างไร

ที่กองทัพบกออกมาชี้แจงว่ามีการกู้ยืมเงินระหว่างผู้เสียหายกับนายทหาร ยศนายพล เรื่องอยู่ในชั้นศาล อันนี้ทางตนไม่ได้นำมาเกี่ยวข้อง ซึ่งตั้งแต่แรกที่เป็นข่าวไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นนี้เพราะว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่หากกองทัพบกนำประเด็นนี้มาเปิด เป็นเรื่องดี เพราะผู้เสียหายมีหลักฐานทั้งหมด

สำหรับวันนี้ นายไพศาลและผู้เสียหายมายื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะการชี้แจงของกองทัพบก ไม่มีความชัดเจน และบางประเด็นยิ่งทำให้เกิดความสับสนและสร้างความขัดแย้งระหว่างผู้เสียหายกับกองทัพและกำลังพล จึงอยากให้กระทรวงกลาโหมในฐานะหน่วยเหนือที่เป็นผู้กำกับดูแลกองทัพบก ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง หากต้องการพยานหลักฐานในส่วนใด ทางทนายไพศาลและผู้เสียหายพร้อมจะส่งหลักฐานให้กับท่านโดยตรง โดยหลังใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม ในการยื่นหนังสือ ซึ่งสื่อมวลชนได้สอบถามว่าทางกระทรวงได้ชี้แจงว่าอย่างไร นายไพศาล ตัวแทนมารับหนังสือแล้วตอบว่าไม่รู้ เบื้องต้นแจ้งสื่อว่า วันศุกร์จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบเพื่อร้องให้ตรวจสอบ เนื่องจากคดีนี้ มีการทำเป็นขบวนการใหญ่ ทำกันในระดับประเทศ ซึ่งตอนนี้นายไพศาล ระบุว่า มีนายทหารชั้นผู้น้อยร้องเรียนและให้ตรวจสอบอีกจำนวนมาก ทั้งหมดเกี่ยวข้องการกู้เงินสวัสดิการเพื่อซื้อหรือสร้างบ้านพัก และระบุอีกว่า หลังจากที่ตนมาทำเรื่องนี้ เมื่อวานมีคนขับรถประกบซ้ายขวาซึ่งไม่รู้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่