ดีใจ? ไทยติด Top 10 ถูกเลือกให้เป็นประเทศ ‘คนรวย’ ควรมาเกษียณอายุ

นิตยสาร CEOWORLD ได้เผยแพร่รายชื่อประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการเกษียณอายุในปี 2025 โดยมุ่งหวังแบ่งปันข้อมูลให้กับผู้เกษียณอายุที่กำลังพิจารณาจุดหมายปลายทางในอุดมคติของตัวเอง โดย 10 อันดับประเทศ ที่ควรเลือกมาเกษียณอายุ คือ

อันดับ 1 นิวซีแลนด์ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องทัศนียภาพธรรมชาติที่สวยงาม คุณภาพชีวิตที่ดี และชุมชนที่เป็นมิตร และสามารถมอบประสบการณ์การผจญภัยกลางแจ้งและความเงียบสงบที่ลงตัวสำหรับผู้เกษียณอายุ

อันดับ 2 ลักเซมเบิร์กที่โดดเด่นในเรื่องเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ระบบการดูแลสุขภาพที่ยอดเยี่ยม และวัฒนธรรมหลายภาษา ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่แสวงหาสภาพแวดล้อมที่สงบสุขและปลอดภัย

อันดับ 3 สวิตเซอร์แลนด์ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องทิวทัศน์ภูเขาที่สวยงาม คุณภาพชีวิตที่ยอดเยี่ยม และบริการสาธารณะที่ไม่มีใครเทียบได้ ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้เกษียณอายุที่มองหาความหรูหราและความสะดวกสบาย

อันดับ 4 แคนาดา ได้รับการยกย่องว่าเป็นสังคมที่เปิดกว้าง มีเมืองที่มีความหลากหลาย และมีธรรมชาติที่สวยงามโดยรอบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เกษียณอายุที่ให้ความสำคัญกับการผสมผสานระหว่างสิ่งอำนวยความสะดวกในเมืองและกิจกรรมกลางแจ้ง

อันดับ 5 ออสเตรเลีย นิตยสาร CEOWORLD บรรยายไว้ว่าประเทศนี้ได้มอบวิถีชีวิตที่มีชีวิตชีวา สภาพอากาศที่สดใส ชุมชนที่เป็นมิตร รวมไปถึงประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่หลากหลายให้แก่ผู้เกษียณอายุ

อันดับ 6 สเปน มีชื่อเสียงในเรื่องสภาพอากาศที่อบอุ่น ประวัติศาสตร์อันยาวนาน และวิถีชีวิตที่ผ่อนคลาย ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับผู้ที่แสวงหาชีวิตที่เรียบง่าย

อันดับ 7 โปรตุเกส ขึ้นชื่อเรื่องค่าครองชีพที่ไม่แพง ชายฝั่งที่สวยงาม และผู้คนที่เป็นมิตร ทำให้เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ผู้เกษียณอายุ

อันดับ 8 มอลต้า มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน

อันดับ 9 ฝรั่งเศส ประเทศผสมผสานวัฒนธรรม อาหาร และทิวทัศน์ที่งดงาม

อันดับ 10 ประเทศไทยขึ้นชื่อในเรื่องค่าครองชีพที่ไม่แพง ชายหาดที่สวยงาม และวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดสำหรับผู้เกษียณอายุที่มองหาการผจญภัยในต่างประเทศ

นิตยสาร CEOWORLD บอกด้วยว่า โดยรวมแล้ว การจัดอันดับเหล่านี้เน้นย้ำถึงตัวเลือกที่หลากหลายที่มีให้สำหรับผู้เกษียณอายุที่ต้องการเพลิดเพลินกับประสบการณ์เกษียณอายุที่เติมเต็มและสมบูรณ์แบบในส่วนต่างๆ ของโลก

ผลการวิจัยนี้นักวิจัยของนิตยสาร CEOWORLD ได้รวบรวม วิเคราะห์ และเปรียบเทียบ 80 ประเทศใน 11 หมวดหมู่หลักเพื่อจัดอันดับ ได้แก่ ชุมชนชาวต่างชาติ ผู้พูดภาษาอังกฤษ การดูแลสุขภาพ ค่าครองชีพ ความสามารถในการซื้อ การประหยัดภาษี ภูมิอากาศที่น่าอยู่ ความสะดวกในการซื้อและเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ข้อกำหนดด้านวีซ่าและถิ่นที่อยู่ ความมั่นคงของรัฐบาล และความสะดวกในการปรับตัวให้เข้ากับสังคม

โดยทำการสำรวจทั่วโลกในเดือนมกราคมและมีนาคม 2025 มีผู้เข้าร่วม 126,000 คน หลังจากปรับสมดุลข้อมูลแล้ว การศึกษาได้ประเมินหมวดหมู่หลัก 11 หมวดหมู่และกำหนดคะแนนรวมสุดท้ายจาก 100 คะแนนให้กับแต่ละประเทศ

[ คนไทยยังไม่พร้อมเกษียณอายุ ]

ประเทศไทยอาจจะดูเหมาะสมในมุมมองชาวต่างชาติที่มีงบประมาณจำนวนหนึ่ง ในการเลือกมาเกษียณอายุที่นี่ด้วยคำอธิบายว่า “ค่าครองชีพไม่สูง” “มีธุรกิจที่พร้อมให้บริการด้านสุขภาพที่ดีกับชาวต่างชาติ” ไปจนถึงเป็นประเทศที่มีชีวิตชีวาไม่น่าเบื่อ แต่กับสถานการณ์ในประเทศกลับแตกต่างกันไป

ถ้ามาดูสถานการณ์ผู้สูงวัยและวัยเกษียณในเมืองไทย รู้กันดีว่าประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว โดยตอนนี้สัดส่วนผู้ที่อายุ 60 ปี ขึ้นไป มีประมาณ 13.64 ล้านคน (ข้อมูลปี 2566) คิดเป็น 19.5% ของประชากรทั้งหมด

มีผู้สูงอายุที่ยังคงทำงานอยู่จำนวน 5.11 ล้านคน หรือคิดเป็น 37.5% ของผู้สูงอายุทั้งหมด
แหล่งรายได้หลักผู้สูงอายุพึ่งพารายได้จากการทำงาน เงินโอนหรือสวัสดิการจากภาครัฐ โดยเฉพาะเบี้ยยังชีพ และการสนับสนุนจากครอบครัว

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และระบบสาธารณสุข

อย่างไรก็ตามจะเห็นว่า สภาพที่เกิดขึ้นดูเหมือนคนไทยยังไม่พร้อมเกษียณอายุ ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่น่าเป็นห่วง สาเหตุหลักจากปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ รายได้ไม่พอรายจ่าย และระบบรองรับผู้สูงวัยที่ยังไม่ครอบคลุม

หลักๆ คือ รายได้ไม่พอใช้ ยังไงก็เก็บออมไม่ได้ ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒน์ฯ และแบงก์ชาติพบว่า ประชากรส่วนใหญ่มีรายได้ต่ำกว่ารายจ่ายประจำ โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานนอกระบบ ซึ่งมีมากถึง 20 ล้านคน เมื่อค่าแรงขั้นต่ำยังอยู่ที่ระดับ 300-370 บาทต่อวัน ขณะที่ค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อรายได้แทบไม่พอใช้ จะให้กันเงินไปออมเพื่อเกษียณจึงทำได้ยาก

ขณะเดียวกันหนี้สินครัวเรือนพุ่ง ทำให้ไม่สามารถวางแผนระยะยาวได้ คนวัยทำงานจำนวนมากยังใช้รายได้ไปจ่ายหนี้สิน เช่น ผ่อนบ้าน รถ หรือหนี้บัตรเครดิต กลายเป็นว่าช่วงวัยทำงานต้อง “ไถ่หนี้” มากกว่าการสร้างความมั่นคงในอนาคต

มาดูที่ระบบประกันสังคมและบำนาญยังไม่เพียงพอ ผู้ประกันตน ม.33 ที่ทำงานบริษัท มีเงินบำนาญหลังเกษียณเฉลี่ย แค่เดือนละ 2,000–3,000 บาท ขณะที่แรงงานนอกระบบ (เช่น เกษตรกร พ่อค้า แม่ค้า ฟรีแลนซ์) ส่วนใหญ่ไม่มีบำนาญเลย แม้จะมี กอช. (กองทุนการออมแห่งชาติ) แต่การเข้าร่วมยังต่ำ และยอดออมเฉลี่ยต่อคนยังน้อยมาก

และด้วยความที่ผู้คนอายุยืนขึ้น แต่รายได้หลังเกษียณกลับลดลงปัจจุบัน คนไทยมีอายุขัยเฉลี่ยมากขึ้น (ชายราว 74 ปี หญิงราว 80 ปี) หมายความว่า คนเกษียณตอนอายุ 60 จะต้องมีเงินพอใช้ไปอีก 20 ปี แต่หลายคนเกษียณแล้วไม่มีรายได้ต่อเนื่อง บางคนต้องทำงานไปจนตายหรือพึ่งพาลูกหลาน

เมื่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมยังไม่รองรับสังคมสูงวัย อีกทั้งการปรับตัวของระบบเศรษฐกิจ เช่น การจ้างงานผู้สูงอายุ ระบบสุขภาพ สวัสดิการ ยังไม่พร้อม

สุดท้ายผู้สูงอายุจำนวนมากในประเทศจึงตกอยู่ในความเสี่ยง และจำนวนหนึ่งยังต้องทำงานไม่สามารถเกษียณตัวเองได้