ไทยติดโควิดเพิ่ม 4 ราย เสียชีวิต 1 ราย เร่งตรวจเชิงรุกเพิ่ม

สถานการณ์การระบาดโควิด -19 ของไทยยังคงพบผู้ป่วยหลักต่ำสิบต่อเนื่อง วันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่ 4 ราย ขณะที่เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมยอดป่วยสะสม 3,004 ราย

วันที่ 9 พ.ค.2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ประจำวันพบผู้ป่วยใหม่ 4 ราย ผู้ป่วยสะสม 3,004 ราย, รักษาหายกลับบ้าน ราย สะสม 2,787 ราย, เสียชีวิต 1 ราย ยอดเสียชีวิตสะสม 56 ราย

สำหรับผู้เสียชีวิตนั้น เป็นชายไทยอายุ 68 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว ภูมิลำเนาอยู่ในกรุ่งเทพฯ เข้ารับการรักษาด้วยอาการไข้ ปวดกล้ามเนื้อ หายใจลำบาก ก่อนที่อาการจะแย่ลง พบภาวะแซกซ้อน คือ ติดเชื้อในกระแสเลือด และไตวายก่อนเสียชีวิต

รายละเอียดผู้ติดเชื้อ 4 ราย
-รายแรกเป็นหญิงไทย อายุ 36 ปี เป็นชาวกรุงเทพ มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า เข้ารักษาด้วยอาการไอ เจ็บคอ
-รายที่สองเป็นหญิงไทย อายุ 28 ปี อาชีพพนักงงานห้างในจ.ภูเก็ต ก่อนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาจ.ปราจีนบุรี
-รายที่สามและสี่ เป็นหญิงอสยุ 41 ปี และชายอายุ 44 ปี พบจาการค้นหาเชิงรุกในชุมชน ที่จ.ยะลา มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้าที่กลับมาจากมาเลเซีย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในช่วง 28 วันที่ผ่านมามี 44 จังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ขณะที่ภาคเหนือนับว่าเป็นพื้นที่ “ปลอดเชื้อ” ในตอนนี้ อีกทั้งในภาคใต้ภาคใต้สถานการณ์นับว่าดีขึ้นเช่นกัน

สถานการณ์รอบโลกวันนี้ผู้ป่วยสะสมแตะ 4 ล้านคนแล้ว คือมีผู้ป่วยสะสม 4,012,848 ราย ขณะที่การเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 276,216 ราย อเมริกายังคงมีผู้ป่วยสะสมและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นมากที่สุด ขณะที่บราซิล และรัสเซีย ก็ยังพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นหลักหมื่นต่อวัน จึงมีการบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น

กรณีคนไทยที่ตกค้างในต่างประเทศนั้น ในวันที่พรุ่งนี้ (10 พ.ค.) จะมีผู้เดินทางมาจากไต้หวัน อเมริกา และญี่ปุ่น ก่อนที่วันถัดไปจะมีอีก 2 เที่ยวบินจากอินเดีย และญี่ปุ่น โดยทั้งหมดจะเข้าสู่การดูแลในพื้นที่รัฐจัดให้ทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ยอดสะสมผู้ที่เข้าสู่พื้นที่ที่รัฐจัดให้หลังเดินทางเข้าประเทศ ทั้งที่เป็น State Quarantine และ Local Quarantine นั้นรวมกว่า 15,069 ราย โดยกลับบ้านแล้ว 5,661 ราย ในกลุ่มดังกล่าวพบผู้ติดเชื้อสะสม 87 ราย

ตามที่มีกำหนดการรับฟังความคิดเห็นเรื่องมาตรการผ่อนปรนระยะที่สองวานนี้ (8พ.ค.) นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ขณะนี้นั้นยังช่วงรับฟังความคิดเห็น ก่อนที่วันที่ 13 พ.ค. จะประเมินผลการผ่อนปรนระยะที่ 1 ก่อน ก่อนที่วันที่จะมีการยกร่างมาตรการระยะถัดไป ซึ่งอาจจมีการหาพื้นที่กลุ่มตัวอย่างที่จะทดลองเปิดก่อน เช่น ห้างสรรพสินค้าบางแห่ง เพื่อเตรียมพร้อมและศึกษาข้อจำกัด ก่อนที่จะมีการประเมินผล เพื่อประกาศผ่อนปรนระยะที่ 2 ในวันที่ 17 พ.ค. แต่ทั้งหมดนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการวางแผน

การค้นหาเชิงรุก
ประเด็นการตรวจเชิงรุกในพื้นที่ชุมชนคลองเตยนั้น นพ.ทวีศิลป์ ชี้แจงว่า ข้อมูลจากรมควบคุมโรคนั้นมีการค้นหาผู็ป่วยเชิงรุกไปแล้วใน 4 จังหวัด รวมตรวจไปแล้วกว่า 7,993 ราย พบการติดเชื้อ 44 ราย คิดเป็น 0.55 % ซึ่งจำแนกดังนี้
-กรุงเทพฯตรวจไปแล้ว 3,581 ราย พบติดเชื้อ 1 ราย
-ยะลาตรวจไปแล้ว 3,277 ราย พบติดเชื้อ 20 ราย
-ภูเก็ตตรวจไปแล้ว 2.592 ราย พบติดเชื้อ 26 ราย
-กระบี่ตรวจไปแล้ว 477 ราย พบติดเชื้อ 3 ราย

สำหรับข้อสงสัยที่ว่าร้านขายอาหารที่เปิดให้บริการ ประชาชนจะมั่นใจได้อย่างไรว่าผู้ขายปลอดเชื้อ นพ.ทวีศิลป์ ย้ำว่า ไม่มีสิ่งใดยืนยันได้ว่าปลอดเชื้อ ไม่เว้นแม้แต่การตรวจ ดังนั้นเมื่อมีการผ่อนปรนมาตรการแล้วทั้งผู้ให้บริการ และผู้รับบริการจำเป็นต้องมีการปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อลดการแพร่ของเชื้อโรค ร่วมถึงสร้างสุขอนามัยที่ดี
“การตรวจเชื้อก็ใช่ว่าจะปลอดภัยกันทุกคน ตรวจวันนี้ปลอดภัยท่านอาจจะไม่ใส่หน้ากากโน่นนี่นั่น ทำตัวอิสระเสรีเกินไป ท่านอาจเป็นคนติดเชื้อวันที่สองที่สามหลังจากการตรวจก็ได้” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

การเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน
หลังมีการเลื่อนเปิดเทอมปีการศึกษาปี 2563 เป็นวันที่ 1 ก.ค. แล้วนั้น นางรักขณา ตัณฑวุฑโฒ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ขณะนี้มีการเตียมการสอยในทุกระดับชั้น และทุกประเภทการศึกษา รวมถึงเตรียมทักษะที่สำคัญให้ผู้เรียน โดยอยู่บนพื้นฐาน  6 ประการ คือ
1 รูปแบบการเรียนการสอนออกแบบให้สอดคล้องกับความปลอดภัย ไม่ว่าจะเรียนที่บ้านหรือโรงเรียนตามการประเมินสถานการณ์ในเวลานั้น
2 อำนวยการให้นักเรียนทุกเข้าถึงการเรียนได้
3 ใช้สิ่งที่มีอยู่แบ้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด เบื้องต้น กสทช.มีการจัดสรรช่องทีวีดิจิทัลให้ 17 ช่อง เพื่อใช้ออกอากาศการเรียนการสอนทางไกล หากวันเปิดเทอมยังไม่พร้อมกลับสู่ห้องเรียน
4 นโยบายต่าง ๆอยู่บนพื้นฐานความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง ครู โรงเรียน
5 ปรับปฏิทินการศึกษาเพื่อเอื้อต่อการเรียน ทั้งตารางเรียน รวมถึงหากมีการเรียนชดเชยก็จะคำนึงถึงความจำเป็น
6 บุคลากรทางการศึกษาจะได้รับการดูแล เพื่อลดผลกระทบเชิงลบที่อาจจะเกิดขึ้น

นางรักขณา กล่าวว่า รูปแบบการเรียนจะถูกออกแบบให้สอดคล้องกับความปลอดภัยเป็นหลัก โดยยึดหลัก “Onsite On-air Online” ซึ่งจะมีการพิจารณาใกล้ๆวันเปิดเรียน และพิจารณาให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงชั้น โดยจะมีการเพิ่มเวลาพัก งดการประเมิน ลดกิจการรมที่ไม่จำเป็น เน้นการเรียนเฉพาะวิชากลุ่มสาระหลัก

สำหรับปฏิทินเบื้องต้น ดังนี้
-ภาคเรียนที่ 1/2563 ระยะเวลา 1 ก.ค. 63 – 13 พ.ค. 63 รวมวันเรียน 93 วัน ก่อนที่จะมีเวลาพัก 14 วัน
-ภาคเรียนที่ //2563 ระยะเวลา 1 ธ.ค. 63 – 9 เม.ย. 64 รวมวันเรียน 88 วัน ก่อนที่จะมีเวลาพัก 37 วัน
โดยทั้งหมดนี้จะสงผลให้นักเรียนมีเวลาพักตลอดปีการศึกษา  วัน 54 วัน ก่อนจะเข้าสู่สภาวะปกตอในปีการศึกษาใหม่

เบื้องต้น สพฐ.ได้มีการเตรียมความพร้อมออกเป็น 4 ระยะ คือ ระยะแรกเป็นการสำรวจความพร้อมทั้งเรื่องเครื่องมือ อุปกรณ์ และระบบบริการจัดการเพื่อรองรับระบบการเรียนทางไกล ก่อนที่ระยะที่สองจะมีการทดลองการเรียนทางไกล ตั้งแต่ระดับประถมวัย จนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น ผ่าน DLTV พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้ก่อน 1 ก.ค. ซึ่งเป็นวันเปิดเทอม

นางรักขณา กล่าวต่อว่า เมื่อถึงวันเปิดเทอมซึ่งเป็นแผนการดำเนินงานระยะที่สาม มีการวางแผนออกเป็น 2 ส่วน คือ หากสถานการณ์การระบาดไม่คลี่คลายก็จะมีการจัดการเรียนการสอนทางไกล ในระดับชั้นประถมวัย-มัธยมศึกษาตอนต้น ผ่าน DLTV ส่วนมัธยมศึกษาตอนปลาย จะเป็นการเรียนออนไลน์ ซึ่งหากสถานการณ์คลี่คลายก็จะกลับมาเรียนปกติ โดยยึดหลักความปลอดภัยตามที่สธ.กำหนด ก่อนที่ระที่สี่ จะมีการประสานงานกับสถาบันต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับผู้ที่จะเรียนต่อ และการวัดผลระดับชาติ