ปลดล็อกเฟส 5 เปิดโรงเรียน-สถานบันเทิง ล่าสุดไทยติดโควิดเพิ่ม 7 รายมาจาก ตปท.

ศบค.มีมติผ่อนคลายมาตรการระยะ 5 ให้เปิด 5 กิจการ/กิจกรรม ภายใต้เงื่อนไขต้องสวมหน้ากากและลงทะเบียนเข้า-ออก ผ่านแอปฯ ไทยชนะ ขู่เมื่อไปตรวจไม่ทำตามเงื่อนไขจะมีการกำหนดโทษ

วันที่ 29 มิ.ย.2563 นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ประจำวันที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ซึ่งเป็นการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธานการประชุม

นพ.สุขุม รายงานว่า ไทยพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 7 ราย ทั้งหมดอยู่ในสถานกักกันของรัฐ หรือ State Quarantine เดินทางกลับมาจากอินเดีย 6 ราย และสหรัฐอเมริกา 1 ราย ส่งผลยอดผู้ติดเชื้อสะสม 3,169 ราย กระจายใน 68 จังหวัด ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากภายในประเทศ ติดต่อกันเป็นวันที่ 35 ส่วนผู้เสียชีวิตรวม 58 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในวันนี้ ผู้ป่วยรักษาหายป่วยแล้ว 3,053 ราย คิดเป็นร้อยละ (96.34 วันนี้ไม่มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น
ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวถึงการผ่อนปรนกิจกรรมและกิจการในประเทศระยะที่ 5 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สูง รัฐบาลจึงเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ทั้งยาและเวชภัณฑ์ เช่น หน้ากากอนามัย N 95 จำนวน 1,127,970 ชิ้น ชุด PPE 511,578 ชุด เครื่องช่วยหายใจว่างพร้อมใช้ทันที 11,096 เครื่อง ยา Favipiravir จำนวน 319,994 เม็ด รวมทั้งสำรวจเตียงไอซียูตามโรงพยาบาลในกรุงเทพมหานครและทั่วประเทศ รองรับผู้ป่วย 571 เตียง และสำหรับผู้ป่วยที่เป็นห้องแยกหรือเป็นผู้ป่วยหนัก 11,206 เตียง และทั่วไป 10,349 เตียง ซึ่งคาดว่า เตียงผู้ป่วยมีเพียงพอที่จะรองรับ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังได้มีแผนพัฒนาวัคซีนตามนโยบายของรัฐบาลใน 3 แนวทางเพื่อให้คนไทยเข้าถึงวัคซีนโควิด -19 คือ ต้องมีการพัฒนาหรือวิจัยในประเทศ การทำความร่วมมือวิจัยกับต่างประเทศ และการจัดซื้อ จัดหานำมาใช้ในประเทศ โดยคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล คณะเภสัช จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ร่วมกันพัฒนาและวิจัยวัคซีนต้นแบบในประเทศ โดยได้มีการทดสอบวัคซีนในหนูและลิงแล้ว พร้อมเตรียมไปสู่การทดสอบในมนุษย์ หากประสบความสำเร็จสามารถการผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้ถึง 30 ล้านโดสต่อปี คาดว่าสามารถนำไปใช้ประมาณปลายปี 64 หรืออาจเร็วขึ้น ในการจัดซื้อต่างประเทศก็ได้มีการติดตามใน 2 ประเทศ 5 หน่วยงาน คาดว่าค่าใช้จ่ายต่อโดสประมาณ 20-30 เหรียญสหรัฐ ฯ สำหรับความร่วมมือในระดับนานาประเทศ ไทยยังร่วมมือกับกลุ่มอาเซียน ระหว่างไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สำหรับการวิจัยวัคซีนในคน เพื่อผลิตร่วมกันในอนาคตอีกด้วย เพื่อให้คนไทยมั่นใจว่าจะมีวัคซีนเพียงพอและทันต่อเหตุการณ์
ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงผลประชุมของ ศบค.ชุดใหญ่วันนี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่และประชาชนที่ช่วยกันทำให้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยดีขึ้น ที่ประชุมมีมติเห็นชอบผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 5 ใน 5 กลุ่มกิจการ/กิจกรรม ที่มีความเสี่ยงสูง ประกอบด้วย

1.เปิดโรงเรียนทั้งหมดทั้งภาครัฐและเอกชน
2.ห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ ให้ปิดเวลา 22.00 น. ส่วนร้านสะดวกซื้อเปิดได้ 24 ชั่วโมง,
3. เปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ ได้ไม่เกิน 24.00น. ห้ามดื่มต่อหลังจากนี้
4. เปิดร้านเกม อินเตอร์เน็ต ได้โดยกำหนดผู้เข้าเล่นเป็นเวลาตามช่วงอายุ
5. โรงน้ำชาและอาบอบนวด เปิดได้กลุ่มพนักงานต้องมีการตรวจโรคอื่นๆ และห้ามมีการขายประเวณีเด็ดขาด

โฆษก ศบค. กล่าวว่า ทุกกิจการ/กิจกรรมที่ให้เปิดบริการได้นั้น ผู้ประกอบการต้องเข้มงวดในมาตการที่ ศบค.กำหนด หากตรวจพบไม่ปฏิบัติตามจะมีการกำหนดบทลงโทษ โดย ศบค.มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี วางข้อกำหนดโทษให้ชัดเจน เพราะเมื่อจะเปิดแล้วบอกว่าอะไรก็ยอม แต่เมื่อเปิดแล้วมีผลกระทบไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเกิดการระบาดรอบสองจะสิ้นเปลืองงบประมาณในการรักษาเป็นแสบ เป็นล้านบาทต่อคน ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องมีความรับผิดชอบ

เมื่อถามว่าสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายแล้วทำไมต้องต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ถึงแม้ประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อเป็นเวลา 35 วันติดต่อกัน เนื่องจาก พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ นั้นให้อำนาจในการป้องกันโรคมากกว่า พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 อาทิ การควบคุมการเดินทางเข้า-ออก ในราชอาณาจักรทุกช่องทาง การจัดทำระบบติดตามตัว กักตัว หรือการเฝ้าระวัง และการควบคุมโรคโดยการใช้มาตรการครอบคลุมกิจการ/กิจกรรม ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ยังมีความจำเป็นเรื่องการบรูณาการ เอกภาพ และประสิทธิภาพ ในการทำงานร่วมกันของหลายกระทรวง ตัวแทนจากหลายภาคส่วน ที่ได้มีการประชุมหารือกันทุกวัน
การเดินทางเข้าประเทศไทยของชาวต่างชาติ รวมถึงกลุ่มคนไทยที่ยังตกค้างอยู่ในต่างประเทศ โดยย้ำว่ายังไม่เปิดการเดินทางอย่างเสรี และใช้มาตรการเดิมคือการเข้าสู่กระบวนการ State Quarantine หรือกรณีกลุ่มชาวต่างชาติเดินทางมาในระยะสั้นซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้ากระบวนการ State Quarantine จะต้องเดินทางผ่านเที่ยวบินที่จัดให้สำหรับเดินทางพาคนไทยกลับ (Repatriation flight) เท่านั้น เพื่อความสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
สำหรับการเตรียมผ่อนคลายมาตรการระยะ 5 เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้กลับสู่การใช้ชีวิตปกติแบบวิถีใหม่ (New Normal) และย้ำว่า พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ นั้นใช้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคเท่านั้น ทั้งนี้ หากการผ่อนคลายมาตรการระยะ 5 เป็นไปอย่างเรียบร้อย อาจมีการปรับลดวันการแถลงสถานการณ์ประจำวัน ณ ศบค. เหลือเพียงวันจันทร์ และวันพฤหัสบดีต่อสัปดาห์