ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ไทยเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง จับตา 132 คลัตเตอร์ จ.จันทบุรี สั่งระดมกำลังฉีดวัคซีน 4 จังหวัดใต้ หลังพบ ผู้เสียชีวิตโควิดภาคใต้ 90% ไม่ได้ฉีดวัคซีน
วันที่ 27 ต.ค. 2564 พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ ในฐานะผู้ช่วยรองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 รายงานสถานการณ์ประจำวันว่า วันนี้ 10 จังหวัดไม่มีผู้ติดเชื้อจังหวัดใดติดเชื้อเกิน 1,000 ราย โดยเฉพาะ กทม. ผู้ติดเชื้อต่ำกว่าพันเป็นวันที่ 6 แนวโน้มสถานการณ์ทรงตัวและมีแนวโน้มที่จะลดลง
สำหรับคลัสเตอร์ที่ต้องจับตาอยู่ที่จังหวัดจันทบุรีพบมากที่สุด 132 คลัสเตอร์เป็นแคมป์คนงานก่อสร้างและแรงงานข้ามชาติ ส่วนสถานการณ์จังหวัดเชียงใหม่เริ่มดีขึ้น ไม่พบการระบาดเพิ่ม แต่ยังมีการติดเชื้อประปราย ขอให้เข้มงวดมาตรการส่วนบุคคลเพื่อลงการติดเชื้อ
- เร่งฉีดวัคซีนนักเรียน ครู และบุคลากร เตรียมเปิดเรียน On-site
พญ.สุมนี กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญของการฉีดวัคซีนตอนนี้คือกลุ่มนักเรียนและครู ล่าสุดนักเรียน 1.9 ล้านคนหรือ 42.8% ได้ฉีดวัคซีนแล้ว ส่วนครูและบุคลากรในโรงเรียนจะต้องเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมต่อไป ล่าสุดที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) กระทรวงสาธารณสุขมีมติเห็นชอบให้สถานศึกษาจังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่ควบคุมจะต้องให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับวัคซีนครบ 2 โดส อย่างน้อย 85% จึงจะเปิดเรียนแบบ On-site ได้ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการสำรวจพบว่า ยังมีบุคลากรทางการศึกษาที่ต้องฉีดวัคซีนเพิ่มอีก 131,238 ราย หรือประมาณ 14.67%
- วัคซีนเพียงพอให้ไปฉีดเข็ม 3 ได้
สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม ตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นมา ขอให้ไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิได้ และผู้ที่ฉีดแอสตร้าฯ ครบ 2 เข็มตั้งแต่เดือน พ.ค. ให้ไปฉีดเข็ม 3 โดยติดต่อหน่วยบริการที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1-2 ได้ทันที ยืนยันวัคซีนมีเพียงพอ
ส่วนการฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว มีจังหวัดที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 เกิน 50% แล้ว 12 จังหวัด ส่วน จ.เลย ฉีดวัคซีนเข็ม 1 ไปแล้ว 47% จ.หนองคาย 45.7% และจ.อุดรธานี 46.4% ขอให้เร่งไปฉีดวัคซีนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง หากไม่สามารถไปรับบริการได้ขอให้แจ้งหน่วยงานในพื้นที่ในการอำนวยความสะดวก
- สถานการณ์โควิด 4 จังหวัดใต้ พบผู้เสียชีวิต 90% ไม่ได้ฉีดวัคซีน
สำหรับแนวโน้มผู้ติดเชื้อโควิด 4 จังหวัดใต้เริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง ซึ่งที่ประชุม EOC กระทรวงสาธารณสุขได้ติดตามสถานการณ์และเร่งบูรณาการในพื้นที่โดยที่ประชุมได้หารือกันในประเด็นสำคัญ 2 เรื่อง คือ
1. เร่งรัดให้มีการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมเพิ่มขึ้น โดยทำการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจเป็นภาษาพื้นถิ่นผ่านช่องทางต่างๆ
2. จำกัดวงไม่ให้มีการแพร่ระบาดในวงกว้าง หลังจากมีการวิเคราะห์สถานการณ์พบว่า เป็นการระบาดระดับครอบครัว ชุมชน และตลาด ร้านอาหาร ร้านน้ำชา
ทั้ง 2 เรื่องสำคัญได้มีการดำเนินการไปแล้วโดยให้บริการรถเคลื่อนที่วัคซีน SCG และหน่วยงานที่สนับสนุนทีมลงไปสอบสวนโรค การตรวจ คัดกรองและการฉีดวัคซีน นอกจากนั้นแต่ละจังหวัดได้มีแผนการทำงานเชิงรุก
ทั้งนี้ที่ประชุม ศบค. มีความเป็นห่วงจากการที่มีรายงานผู้เสียชีวิตชายแดนใต้ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสูงอายุ กลุ่มเสี่ยง 7 โรค และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงเด็ก 90% ของผู้เสียชีวิตคือผู้ไม่ได้รับวัคซีน หญิงตั้งครรภ์ที่เสียชีวิต 50% ทารกในครรภ์เสียชีวิตพร้อมแม่ขอความร่วมมือกลุ่มเสี่ยงให้รีบไปรับวัคซีนเพื่อลดอัตราการเสียชีวิต