ศบค.ชี้ 18 จว.ท่องเที่ยวแนวโน้มติดโควิดเพิ่มสูง พบ 21 คลัสเตอร์ร้านอาหารกึ่งผับแพร่เชื้อมากสุด

ศบค.เผยแหล่งแพร่ระบาดโควิด-19 หลังปีใหม่ส่วนใหญ่มาจากร้านอาหารและสถานบันเทิง พบคลัสเตอร์ใหญ่ 21 แห่งกระจายหลายจังหวัด ขณะที่ 18 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวน่าห่วงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่อง

วันที่ 19 ม.ค. 2565 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า พรุ่งนี้จะมีการประชุมศบค.ชุดใหญ่เพื่อพิจารณาผ่อนคลายมาตรการสำคัญ ทั้งการปรับพื้นที่สีคุมโควิด การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ และการเดินทางเข้าประเทศจะมีการประเมินมาตรการเข้าประเทศเพิ่มเติมในหลาย ๆ ส่วน ทั้งเรื่องของมาตรการกักตัว, การรองรับ และเดินทางเข้าประเทศแบบ Test&Go

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ทิศทางตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประเทศไทย พบว่าตัวเลขที่รายงานผู้ติดเชื้อสูงจะอยู่ในกลุ่มจังหวัดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวที่ขยับขึ้นหลังเทศกาลปีใหม่ แต่ถ้าจะพิจารณาเรื่องการผ่อนคลายมาตรการกระทรวงสาธารณสุข และศูนย์ปฏิบัติการ ศบค.ชุดใหญ่ และศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศปก.ศบค.) คงไม่ได้ดูเฉพาะตัวเลขรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ

“สิ่งสำคัญจะต้องดูเรื่องระบบสาธารณสุขในพื้นที่ต้องสามารถรับมือได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพหรือไม่ รวมถึงจะต้องมีการลงพื้นที่ไปดูปัจจัยเสี่ยง และแก้ให้ตรงจุด ดังนั้นตัวเลขรายงานผู้ติดเชื้อเพียงอย่างเดียวคงไม่ใช่ปัจจัยที่จะพิจารณาว่าจะผ่อนคลายหรือไม่ผ่อนคลาย คงต้องดูทิศทาง และดูหลายองค์ประกอบทุกมิติรวมกัน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ติดตามทิศทาง ซึ่งขณะนี้ทิศทางยังทรงตัวไม่ได้สูงขึ้นถึงขั้นที่จะรับมือไม่ไหว” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวและว่า

ตั้งแต่หลังปีใหม่เป็นต้นมายังพบร้านอาหารรวมทั้งสถานบันเทิงเป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิด-19 จากการลงพื้นที่สำรวจอย่างละเอียดพบ 21 แห่งที่มีการติดเชื้อรายงานไปยังกระทรวงสาธารณสุข ในจำนวนนี้มี 7 ร้านที่เป็นสถานบันเทิงเปิดโดยที่ผ่านการประเมินโดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแล้ว แต่พบว่าไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรการจึงทำให้เกิดการติดเชื้อ รายงานคลัสเตอร์ในหลายจังหวัด ส่วนอีก 14 ร้าน ตรวจพบว่าเปิดโดยไม่มีการขออนุญาต ไม่มีการลงทะเบียน และผ่านการประเมินจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ตรงนี้ถือผิดกฎหมาย

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 วันนี้ พญ.อภิสมัย รายงานว่าพบผู้ป่วยรายใหม่ 7,122 ราย แบ่งเป็น ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,846 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 89 ราย จากเรือนจำ 15 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 172 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 2,344,933 ราย อยู่อันดับที่ 26 ของโลก

ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 12 ราย ยอดสะสม 21,968 ราย เป็นชาย 6 ราย หญิง 6 ราย อายุระหว่าง 3-93 ปี เป็นชาวไทย 11 รายไม่ระบุ 1 ราย โดย อายุ 60 ปี ขึ้นไป 7 ราย อายุต่ำกว่า 60 ปี มีโรคเรื้อรัง 3 ราย ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 2 ราย ปัจจัยเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน HPL โรคไต โรคอ้วน ติดเตียง

ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ มาจากคนใกล้ชิด คนรู้จัก ครอบครัว อาศัยในพื้นที่ระบาด และอาชีพเสี่ยง โดย ผู้เสียชีวิตวันนี้ 7 ราย ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 คิดเป็น 58% ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด และพบว่า 3 รายยังฉีดวัคซีนไม่ครบ

10 จังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อมากสุด ได้แก่ 1.กรุงเทพมหานคร 820 ราย 2.สมุทรปราการ 601 ราย 3.ชลบุรี 506 ราย 4.ภูเก็ต 383 ราย 5.นนทบุรี 319 ราย 6.ขอนแก่น 313 ราย 7.ปทุมธานี 250 ราย 8.สมุทรสาคร 185 ราย 9.อุบลราชธานี 166 ราย และ 10.ระยอง 156 ราย