หนุ่มโพสต์เศร้าโควิด-19 คร่าชีวิตพ่อวัย 70 ปี รอ สธ.แถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งวันนี้

ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการสาหัสเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย โดยลูกชายผู้เสียชีวิตโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า พ่อจากไปแล้ว เมื่อ18.10น. ผลสืบเนื่องจากโควิค-19 ที่ทำลายปอด คาดวันนี้กระทรวงสาธารณสุขแถลงรายละเอียดการเสียชีวิตอีกครั้ง

วันที่ 24 มี.ค.2563 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพและข้อความ ระบุว่า พ่อจากไปแล้ว เมื่อ 18.10 น. ผลสืบเนื่องจากโควิค-19 ที่ทำลายปอด เชื้อหาย แต่อวัยวะไม่สามารถฟื้นกลับมา พ่อสู้ไอโรคบ้านี้มาเกือบ 2 เดือน ไม่ต้องห่วงลูกๆ นะ รักที่สุด นอกจากนี้ยังมีการโพสต์ภาพใบมรณะบัตรระบุว่า ผลที่ทาง รพ.แจ้ง ตอนนี้ยังหาวัดลงศพคุณพ่อเพื่อทำพิธีกรรมทางศาสนาไม่ได้

ทั้งนี้ การเสียชีวิตของชายวัย 70 ปี นับเป็นการเสียชีวิตรายที่ 2 จากการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งจะต้อรอกระทรวงสาธารณสุขแถลงยืนยันอีกครั้งในวันนี้

สำหรับผู้เสียชีวิตรายนี้ ติดเชื้อโควิด-19 อาการไม่รุนแรงเข้ารับการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูรเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2563 กระทรวงสาธารณสุขแถลงเป็นผู้ป้วยสะสมรายที่ 6 และเป็นผู้ป้วยรายแรกที่แพทย์ได้ทำการรักษาด้วยการถ่ายน้ำเหลืองจากผู้ป้วยโควิด-19 ที่รักษาหายให้เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา จากนั้นอาการทรงตัว แพทย์ให้การดูแลอย่างใกล้ชิด กระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา รวมระยะเวลาในการรักษาประมาณ 49 วัน

สำหรับแนวทางการจัดการศพผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคติดต่อร้ายแรง พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเมื่อวันที่ 5 มี.ค.63 ถึงแนว 11 ข้อดังนี้

1. บุคคลากรที่สัมผัสกับศพ ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการแพร่กระจายเชื้ออย่างเคร่งครัด
2. หากจะฉีดยาศพต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง บุคลากรต้องสวมชุด PPE อย่างครบถ้วน
3. ถุงบรรจุศพทำด้วยวัสดุกันน้ำ เช็ดด้านนอกด้วย แอลกอฮอล์ 70% ก่อนนำออกจากห้องผู้ป่วย
4. เก็บศพในตู้เย็นแช่ศพ
5. ญาติหลีกเลี่ยงการสัมผัสศพ หากต้องสัมผัสศพให้ทำความสะอาดทันที
6. หากต้องทำการชันสูตรศพควรทำในห้อง Negative pressure (ความดันภายในห้องน้อยกว่าความดันภายนอก)
7. อุปกรณ์ที่ใช้กับศพให้ถือเป็นมูลฝอยติดเชื้อ ให้ปฏิบัติตามแนวทางอย่างเคร่งครัด
8. เจ้าหน้าที่จัดการตกแต่งศพต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกายส่วนบุคคลให้เหมาะสม
9. ห่อศพด้วยผ้าพลาสติก 2 ชั้น หรือถุงซิปห่อศพ 2 ชั้น และปิดผนึกด้วยแถบกาวด้านหน้าบริเวณซิป
10. เจ้าหน้าที่เผาศพต้องสวมถุงมือ หน้ากากอนามัยและเสื้อคลุมกันเปื้อนชนิดใช้ครั้งเดียว เมื่อต้องสัมผัสกับศพทุกครั้ง และหลีกเลี่ยงการเปิดหีบศพกรณีศพผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคติดต่อร้ายแรง
11. ต้องใช้เตาเผาศพปลอดมลพิษแบบสองห้องเผา โดยต้องควบคุมอุณหภูมิในห้องเผาศพ ไม่น้อยกว่า 760 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิในห้องควันไม่น้อยกว่า 1,000 องศาเซลเซียส ตลอดระยะเวลาการเผาศพ