Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

จตช.สรุปผลปมเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 สั่งโทษวินัย ผบก.-ผบ.หมู่ 189 นาย กำชับระบาดรอบสอง อย่าเบิกจ่ายซ้ำรอยเดิม

กรณีการทุจริตเบี้ยเลี้ยงโควิด 19 ซึ่งทางรัฐบาลได้จัดสรรเพื่อตอบแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ร่วมปฏิบัติงานด้านการสกัดกั้นการแพร่ระบาดในช่วงวิกฤติ ตั้งแต่ 27 มีนาคม – 30 มิถุนายน 2563 จำนวนกว่า 2,521 ล้านบาท โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช.ตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้มีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงจากจเรตำรวจ ควบคู่กับ การตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทุกกองบัญชาการ ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ ได้ประชุมเร่งรัดทุก บช.ให้เร่งดำเนินการโดยเด็ดขาด โดยให้หลักการไว้ 3 ข้อ คือ คืนความเป็นธรรมเยียวยา ถูกต้องตามระเบียบ และทุกคนรวมถึงสังคมพอใจ และให้เวลาทุก บช.ไปเร่งจัดการเข้าสู่กระบวนการทางวินัยภายในสิ้นปี 2563

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 เวลา 15.00 น. พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ(จตช.) ได้เรียกประชุมผ่านระบบทางไกลวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ กับ รอง ผบช.ที่ทำหน้าที่จเรตำรวจของ บช.น.  ตำรวจภูธรภาค 1-9 เพื่อติดตามผลการดำเนินการทางวินัย โดยมีพล.ต.ท.อดิศร์ งามจิตสุขศรี รอง จตช. พล.ต.ท.เชษฏา โกมลวรรธนะ จตร.(หน.) ผู้แทน ผบช.สำนักงานตรวจสอบภายใน  ผบก.กองวินัย ตร. ร่วมประชุมด้วย

โดย พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวว่า ผลจากการที่ ผู้บังคับบัญชาระดับ ตร.โดยเฉพาะ ผบ.ตร. ได้ใส่ใจติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยได้มาประชุมติดตามผลด้วยตัวเองถึง 2 ครั้ง ในช่วงเดือน พฤศจิกายน- ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา และ ยังสั่งการให้ พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบช.สตส จัดกำลังชุดตรวจลงพื้นที่ตรวจคู่ขนานในหน่วยที่ถูกร้องเรียนอีกครั้ง ส่งผลให้ ทุก บช. มีการตรวจสอบเพิ่มเติม และ นำไปสู่การเพิ่มโทษทางวินัยจากเดิม ให้หนักขึ้นตามพฤติกรรม

โดยพบว่า ทุก บช. มีข้าราชการตำรวจ ที่เข้าสู่กระบวนการทางวินัย ประมาณ 189 นาย จากพื้นที่ นครบาล และ ภ.จว รวม  23 จังหวัด ทั้งระดับกองบังคับการ ภูธจังหวัด และ ระดับสถานีตำรวจ รวม 73 หน่วย โดยมีตั้งแต่ระดับพล.ต.ต. หรือผู้บังคับการ 5 นาย พ.ต.อ. 48 นาย นอกนั้นเป็นระดับ รอง ผผบกก , สว ,รอง สว. และ ผบ.หมู่ รวม 136 นาย ซึ่งมีการพิจารณาโทษตามแต่มูลเจตนาของผู้กระทำผิดตั้งแต่ เบาไปถึงหนัก ตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือน การภาคฑัณฑ์ การกักยาม การกักขัง การตัดเงินเดือน และหนักสุดคือ การเสนอเข้าสู่การสอบสวนพิจารณาวินัยร้ายแรงซึ่งหากมีหลักฐานยืนยัน ก็จะเข้าสู่การลงโทษ ปลดออก ไล่ออก และดำเนินคดีทางอาญาต่อไป

นอกจากนั้นยังได้ดำเนินการทางการปกครองอีกส่วนหนึ่ง โดย มีการย้ายข้าราชการตำรวจที่ถูกพิจารณาโทษ โดยเฉพาะระดับ ผกก. – สว. ออกจากพื้นที่ไปทำหน้าที่อื่น เช่น ตำรวจภูธรภาค 6 และ ตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่ง พล.ต.อ.วิสนุ ได้กำชับไม่ให้มีการย้ายผู้ที่ถูกย้าย กลับไปที่เดิมโดยเด็ดขาด

ในที่ประชุม พล.ต.อ.วิสนุ ได้ย้ำให้ ทุก บช.ระมัดระวัง การเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกประเภท โดยเฉพาะ ในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบใหม่ ซึ่งตำรวจโดยเฉพาะในพื้นที่ประกาศล็อคดาวน์ จำเป็นต้องใช้กำลังพลสนับสนุนภารกิจ ทั้งการลาดตระเวน และ จุดคัดกรอง ดังนั้นการพิจารณาโทษในครั้งนี้ ให้ทุกหน่วยถอดบทเรียน และต้องไม่เกิดขึ้นซ้ำรอยอีกแล้ว การเบิกจ่ายทุกชนิด ต้องไม่บกพร่อง จะอ้างว่า ไม่รู้ไม่เข้าใจระเบียบไม่ได้ ต้องทำให้ถูกต้องตั้งแต่กระดุมเม็ดแรก และ ในวันนี้ เงินเบี้ยเลี้ยงที่เบิกมาต้องถึงมือผู้ได้รับสิทธิทั้งหมด โดยให้ ผบช.สตส เข้าตรวจสอบตามกระบวนการตรวจสอบภายใน ให้เรียบร้อย โดยในลำดับต่อไป ทาง ตร.จะส่งรายงานผลการดำเนินการให้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และ ป.ป.ช. ทราบเป็นข้อมูล ต่อไป

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า