Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

วันที่ 18 มิ.ย. 2564 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า จากการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ได้มีพิจารณาปรับพื้นที่ตามสถานการณ์การแพร่ระบาด และพิจารณามาตรการผ่อนคลายกิจกรรม สถานที่ต่างๆ หรือมาตรการคลายล็อก ศบค.ได้แบ่งระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดังนี้

พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 4 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสมุทรปราการ

พื้นที่ควบคุมสูงสุด 11 จังหวัด คือ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดตรัง จังหวัดนครปฐม จังหวัดปัตตานี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสงขลา จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสระบุรี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส

พื้นที่ควบคุม 9 จังหวัด คือ จังหวัดจันทบุรี จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดระนอง จังหวัดระยอง จังหวัดราชบุรี จังหวัดสระแก้ว จังหวัดสมุทรสงคราม

พื้นที่เฝ้าระวังสูง 53 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดกระบี่ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดกาพสินธุ์ จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดขอนแก่น จังหวัดชัยนาท จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดชุมพร จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดตราด จังหวัดตาก จังหวัดนครนายก จังหวัดนครพนม จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดนครสวรรศ์ จังหวัดน่าน จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดพะเยา จังหวัดพังงา จังหวัดพัทลุง จังหวัดพิจิตร

จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดแพร่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดแม่ฮ่อองสอน จังหวัดยโสธร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดลพบุรี จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดเลย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสกลนคร จังหวัดสตูล จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดอ่างทอง จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดอุดรธานี จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดอุบลราชธานี

สำหรับการประชุม ศบค. มีมติการผ่อนคลายมาตรการตามระดับของพื้นที่ ดังนี้

1. พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) – สามารถจัดกิจกรรมรวมคนได้ไม่เกิน 50 คน ร้านอาหารเปิดได้ไม่เกิน 23.00 น. สามารถนั่งทานในร้านอาหารได้ งดการจำหน่ายสุราในร้าน กรณีร้านอาหารที่มีเครื่องปรับอากาศสามารถนั่งรับประทานได้ไม่เกินร้อยละ 50 ศูนย์การค้าเปิดทำการได้ไม่เกิน 21.00 น. ห้ามใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนหรือกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก และงดการเล่นกีฬา ยกเว้นกลางแจ้ง และสามารถแข่งขันกีฬาได้โดยไม่มีผู้ชม

2. พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) – สามารถจัดกิจกรรมรวมคนได้ไม่เกิน 100 คน ร้านอาหารเปิดได้ไม่เกิน 23.00 น. สามารถนั่งรับประทานในร้านอาหารได้ งดการจำหน่ายสุราในร้าน สามารถใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนหรือกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมากได้แต่ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด สถานที่เล่นกีฬาสามาถเปิดบริการได้ทุกประเภทแต่ต้องไม่เกิน 21.00 น. และสามารถจัดการแข่งขันได้โดยไม่มีผู้ชม

3. พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) – สามารถจัดกิจกรรมรวมคนได้ไม่เกิน 150 คน งดการจำหน่ายสุราในร้าน สถานที่เล่นกีฬาสามารถเปิดบริการได้ทุกประเภท และสามารถจัดการแข่งขันได้โดยจำกัดจำนวนผู้ชม

4. พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) – สามารถจัดกิจกรรมรวมคนได้ไม่เกิน 200 คน สถานที่เล่นกีฬาสามารถเปิดบริการได้ทุกประเภท และสามารถจัดการแข่งขันได้โดยจำกัดจำนวนผู้ชม
โดยจะเริ่มผ่อนคลายตามมาตรการดังกล่าวในวันที่ 21 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป

ประเภทสถานที่กักกัน สถานที่กักกันทางเลือก (Alternative Quarantine : AQ) เดินทางเข้าประเทศทางอากาศ รัฐจะสนับสนุนค่าตรวจหาเชื้อโควิด เฉพาะผู้มีสัญชาติไทย สถานที่กักกันในรูปแบบเฉพาะองค์กร (Organizational Quarantine : OQ) รับรองคนไทยที่เป็นแรงงานไทยเดินทางกลับจากการทำงานในต่างประเทศ และกรณีผู้มีสัญชาติไทยที่ประสบปัญหาทุกข์ยากในต่างประเทศ (กลุ่มเปราะบาง) สำหรับสถานที่กักกันของรัฐ (State Quarantine : SQ) ผู้มีสัญชาติไทยที่เดินทางเข้าประเทศทางบก รัฐยังคงรับผิดชอบค่าใช้จ่าย

ที่ประชุมยังเห็นชอบแผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย คือ 1) หลักเกณฑ์การจัดสรรวัคซีนในแต่ละจังหวัด เดือนกรกฎาคม 2564 โดยมีเป้าหมายให้บริการวัคซีน 10 ล้านโดสในเดือนกรกฎาคม โดยพิจารณาจัดสรรวัคซีนให้กับผู้ที่ได้จองวัคซีนล่วงหน้าในระบบหมอพร้อม (ผู้สูงอายุ/ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง) ก่อน รวมทั้งพิจารณาให้กรุงเทพมหานคร ได้รับการจัดสรรวัคซีนอย่างน้อย 5 ล้านโดส และให้ภูเก็ต ได้รับวัคซีนที่เข็ม 2 อย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในเดือนกรกฎาคม 2564

นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่ารัฐบาลบริหารสถานการณ์ 2 ด้าน คือด้านสาธารณสุขและการเปิดพื้นที่และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีเป้าหมายที่วางไว้อย่างเป็นขั้นตอนตามลำดับ เริ่มจากเปิดพื้นที่ เปิดกิจกรรม เปิดในประเทศ และเปิดต้อนรับต่างประเทศ โดยนายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า การเปิดประเทศเริ่มจากการเปิดใจ และมั่นใจในความร่วมมือ ร่วมใจของทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนประเทศร่วมกัน

ศบค. ผ่อนคลายมาตรการให้ผู้ประกาศ-นักแสดง ไม่ต้องใส่แมสก์ แต่ต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร หรือตามความเหมาะสม

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงมาตรการผ่อนคลายสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ว่า ที่ประชุม ศบค. ชุดให้เห็นชอบออกแนวทางปฎิบัติในการถ่ายรายการโทรทัศน์ ละคร ภาพยนตร์และวีดิทัศน์

ก่อนทำการถ่ายทำรายการจะต้องขออนุญาตใช้พื้นที่ถ่ายทำโดยปฏิบัติตามมาตรการของแต่ละระดับเขตพื้นที่การแพร่ระบาดโควิด-19 และต้องมีมาตรการคัดกรอง การซักประวัติ การจัด Timeline ก่อนวันเข้าร่วมถ่ายทำไม่น้อยกว่า 7 วัน ต้องตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ด้วยวิธี  Real-time PCR ในระยะเวลา72 ชั่วโมง

จำนวนผู้เข้าร่วมปฏิบัติทั้งหมดไม่เกิน 50 คน ปฏิบัติตามมาตรการ และต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาทุกคน ยกเว้นเฉพาะนักแสดงที่เข้าฉาก รายการประกวดร้องเพลง เฉพาะผู้เข้าร่วมประกวดที่มีการจัดพื้นที่ไว้รายการเกมส์โชว์ เฉพาะผู้ร่วมรายการสามารถถอดหน้ากากได้คราวละ 1 คน

ผู้ประกาศข่าวจะต้องจัดให้มีฉากกั้น และเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร หรือตามความเหมาะสม

กรณีในพื้นที่สาธารณะให้ผู้ปฏิบัติงานและผู้ร่วมรายการทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาทุกกรณี

ทั้งนี้ ให้สำนักงาน กสทช. กระทรวงวัฒนธรรมทำหน้าที่กำกับติดตาม และประสานงานกับกรมควบคุมโรค

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า