สธ. ยัน ไทยยังไม่พบ โควิด-19 สายพันธุ์ C.1.2

สธ. ยัน ไทยยังไม่พบ โควิด-19 สายพันธุ์ C.1.2 เผย ตัวเลขผู้ป่วยลดลงต่อเนื่อง เป็นสัญญาณที่ดี

วันที่ 31 ส.ค. 2564 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีสำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน พบการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ C.1.2 ในหลายประเทศ ว่า โดยธรรมชาติของเชื้อไวรัสจะมีการกลายพันธุ์ และทุกประเทศได้เฝ้าระวังเป็นอย่างดี ส่วนในไทยยังไม่มีการตรวจพบ โควิด-19 สายพันธุ์ C.1.2 ขอให้มั่นใจระบบเฝ้าระวังที่มีการตรวจพันธุกรรมของสายพันธุ์ สัปดาห์ละ 500 ตัวอย่าง เมื่อทราบว่ามีการพบสายพันธุ์ใหม่จากประเทศใด จะตรวจที่เดินทางจากประเทศดังกล่าว ร่วมกับการสุ่มตรวจทั่วประเทศ

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า สายพันธุ์ที่พบในไทยส่วนใหญ่เป็นเดลตา 92-93% ในจำนวนตัวอย่างที่สุ่มตรวจ ส่วนสายพันธุ์ C.1.2 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจ ขณะที่ความรุนแรงของสายพันธุ์ดังกล่าว ยังเร็วเกินไปที่จะให้ข้อสังเกตว่ามีการแพร่ระบาดเร็วขึ้นหรือไม่ ความรุนแรงของโรคมากขึ้นหรือไม่ ดื้อต่อการรักษาและดื้อต่อวัคซีนป้องกัน COVID-19 หรือไม่ โดยอยู่ระหว่างการแลกเปลี่ยนข้อมูลของนักวิทยาศาสตร์และระบบสาธารณสุขของประเทศต่างๆ ทั่วโลก

นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวด้วยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในวันนี้ (31 ส.ค.) เป็นตัวเลขที่ลดลงจากเมื่อวานนี้ (30 ส.ค.) นับเป็นข่าวดี เป็นสัญญาณที่ดีขึ้นต่อเนื่องรายงานผู้ติดเชื้อใน 1 วัน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 14,666 ราย น้อยลงมาจากเมื่อวานที่อยู่ในระดับ 15,000 ราย และในเรื่องของการเสียชีวิต เป็นวันแรกที่ลดลงต่ำกว่า 200 ราย นับจากวันที่มีรายงานการเสียชีวิตต่อวันสูงเกิน 200 ราย ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2564 ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ต่ำกว่า 200 ราย มาตลอด จนมา 7 ส.ค. เป็น 212 ราย หลังจากนั้น มีตัวเลขสูงขึ้นเรื่อยๆ และแกว่งตัวอยู่บ้าง วันนี้เป็นวันแรกที่ต่ำกว่า 200 ราย การหายป่วยวันนี้ 19,245 ราย การหายป่วยสะสม 994,346 ราย ที่กำลังรักษาอยู่ 171,368 ราย

หากดูเส้นแนวโน้มจะเห็นว่า ภาพที่บอกว่า เราผ่านจุดสูงสุดจะเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อตัวเลขต่อเนื่องจากจุดสูงสุด เส้นสีแดงเป็นจำนวนการติดเชื้อรวม แต่ตัดเรือนจำออกไป เพราะฉะนั้น ตัวเลขรวมสูงสุดคือ เมื่อประมาณวันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา หลังจากนั้น ทิศทางลดลง ซึ่งได้ติดตามต่อเนื่อง และลดลงมาเป็น 18,000 ราย 17,000 ราย 16,000 ราย 15,000 ราย และตอนนี้เป็น 14,000 ราย จึงเป็นตัวที่ทำให้มั่นใจว่า เราได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดมาแล้ว