SHARE

คัดลอกแล้ว

วันที่ 17 มี.ค. เวลา 21.40 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก ถึงแนวทางการรับมือการแพร่ระบาดโควิด-19
.
นายธนาธร กล่าวว่า การแพร่ระบาดแบบนี้ 100 ปีจะมีสักครั้งหนึ่ง ซึ่งแพร่ระบาดจากจีนไปหลายที่รวมทั้งประเทศไทย มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่เราจะต้องสื่อสารและพูดจากันอย่างตรงไปตรงมา ถึงการแก้ไขปัญหาและการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัส นี่เป็นความท้าทายที่ไม่ใช่แค่ของรัฐบาลไทย แต่เป็นความท้าทายของผู้คนในสังคมทุกคน

นายธนาธร ยกข้อมูลจากแบบจำลองการแพร่ระบาดโควิดของกระทรวงสาธารณสุข 3 แบบมาอธิบาย คือ แบบแรก กรณีที่เลวร้ายที่สุด จากการประเมินของกระทรวงสาธารณสุข คนหนึ่งคนจะทำให้เกิดผู้ป่วยอีก 2.2 คน ดังนั้น ภายใน 1 ปี จะมีผู้ป่วย 16.7 ล้านคน และยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ฉับพลัน ซึ่งการเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ฉับพลัน และตัวเลขที่สูงขนาดนี้ จะทำให้เกิดความตึงเครียดในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย ซึ่งตนไม่คิดว่าระบบสาธารณสุข อย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบันจะสามารถรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้
.
สถานการณ์แบบที่ 2 คือสถานการณ์แบบปานกลาง อาจมีผู้ป่วยได้มากถึง 9.9 ล้านคน ภายใน 2 ปี และลำดับสุดท้าย ในสถานการณ์ที่มีการรับมือแบบมีประสิทธิภาพ เราอาจจะมีผู้ป่วยประมาณ 4 แสนคนคน ภายใน 2 ปี เราจะเห็นถึงความแตกต่างของจำนวนผู้ป่วย ขึ้นอยู่กับว่าคนในสังคมรับมือกันอย่างร่วมแรงร่วมใจมากน้อยเพียงใด

“ในกรณีที่รุนแรงที่สุด เดือนที่เกิดการแพร่ระบาดสูงสุด ก็คือเดือนสิงหาคมและเดือนกันยายน ของปี 2563 ซึ่งผู้ป่วยต่อสัปดาห์สูงสุดอยู่ที่ 1.5 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่มหาศาลมาก และจากข้อมูลทางการแพทย์ ขององค์การอนามัยโลกระบุไว้ว่า 20% ของจำนวนนี้ อาจจะเป็นผู้ป่วยที่ต้องรักษาอยู่ในสถานพยาบาล ซึ่ง 20% ของ 1.5 ล้านคน คือ 3 แสนคน หมายความว่าหากเกิดสถานการณ์ความรุนแรงที่สุดขึ้น เราจำเป็นจะต้องมีทรัพยากรเพียงพอ ที่จะดูแลผู้ป่วยเฉพาะโควิด-19 ในระบบสาธารณสุขไทยถึง 3 แสนคน ไม่ใช่แค่เฉพาะเตียง เรากำลังพูดถึงเครื่องช่วยหายใจ เรากำลังพูดถึงหน้ากาก ถุงมือ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ เรากำลังพูดถึงพื้นที่ที่เพียงพอ เรากำลังพูดถึงยารักษาโรคที่เพียงพอ สิ่งต่างๆเหล่านี้ จะต้องเตรียมการในเวลาอันใกล้ ซึ่งอีกเพียง 6 เดือนเท่านั้นเอง จะถึงจุดสูงสุดในสถานการณ์ที่อาจจะเลวร้ายที่สุด ผมไม่คิดว่าเราจะมีประสิทธิภาพ และศักยภาพเพียงพอที่จะจัดการกับมัน”

นายธนาธร กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราต้องทำและร่วมมือกัน คือการชะลอการแพร่ระบาด​ไวรัสโควิด-19 ซึ่งหากเราสามารถชะลอได้ เดือนที่จะมีการแพร่ระบาด​สูงที่สุดคือเดือน ม.ค. และ ก.พ.ปี 2564 ซึ่งมีเวลาเตรียม​การอีก 10 เดือน จำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดต่อสัปดาห์​ จะเหลือ 480,000 คนต่อสัปดาห์​ ซึ่งจะมีผู้ป่วยที่ต้องรักษาอยู่ในสถานพยาบาลเหลือเพียง 100,000 ราย จะเห็นได้ว่าเราจะมีศักยภาพรับมือกับสถานการณ์​เหล่านี้ได้ดีขึ้น หากคนในสังคมร่วมมือกันชะลอการแพร่ระบาด​ไวรัส โควิด-19 ได้

นายธนาธร ยังได้ยกตัวอย่างแบบจำลองด้วยคอมพิวเตอร์​โดยวอชิงตัน​โพสต์ ที่มี 3 แบบด้วยกัน ซึ่งมีความคล้ายกับโมเดลของกระทรวงสาธารณสุข​ที่ได้นำเสนอไป โดยมาตรการที่ดีที่สุดนั้น คือมาตรการ​ social distancing หรือมาตรการ​ที่ส่งเสริมให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการพบปะกัน เป็นมาตรการแก้ไขปัญหา​ได้ดีที่สุด
.
จากการคำนวนของคอมพิวเตอร์​ ผลลัพธ์​ที่ออกมานั้นลดการติดเชื้อ​ได้เป็นจำนวนมาก และอัตรา​ที่ประชาชนจะไม่ติดเชื้อเลยจะสูงมากยิ่งขึ้น

สำหรับมาตรการหลีกเลี่ยงการพบปะคนในสังคม อย่างแรกที่สุดเริ่มต้นที่ตัวเราเอง ไม่เดินทางออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น​ หลีกเลี่ยงเข้าร่วมประชุม ไม่เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมที่มีผู้คนรวมกันมากกว่า 10 คน ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน​ งานศพ หรืองานรื่นเริง​สังสรรค์​ทางสังคม แม้แต่เวลารับประทาน​อาหาร อาจจะต้องพิถีพิถัน​มากขึ้นกว่าเดิม อาจต้องมีสำรับตัวเอง
.
หากต้องพูดคุยกับคนในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงาน​ ให้เว้นระยะ​ห่างในการพูดคุย ไม่ยืนพูดคุยกันอย่างใกล้ชิดจนเกินไป ล้างมือให้บ่อย ทำความสะอาด​ภาชนะ​ที่ใช้ดื่มใช้กินเป็นประจำ ไม่เดินทางออกนอกถิ่นฐาน ถ้าเราช่วยกันทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ก็จะทำให้อัตรา​การแพร่ระบาด​ไวรัส โควิด-19 ลดน้อยลง และเราสามารถที่จะทำให้เกิดสถานการณ์​เช่นนี้ได้ พวกเราร่วมมือกัน
.
นายธนาธร กล่าวว่า มาตรการ​การหลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้คน ควรจะต้องดำเนิน​ไปพร้อมกับมาตรการการเยียวยา การหลีกเลี่ยงพบปะกับผู้คนการไม่ออกไปทำงานมีต้นทุน และในสังคมคนที่แบกรับต้นทุนส่วนใหญ่และหนักหนาสาหัส​ คือกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย รัฐบาล​จำเป็นจะต้องออกมาตรการเยียวยากับกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย เพื่อให้เขากระทำมาตรการหลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้คนได้อย่างมีประสิทธิภาพ​


นายธนาธร กล่าวด้วยว่า การช่วยกันจะทำให้การแพร่ระบาดไม่ไปถึงระยะที่ 3 ที่เกินการควบคุมของรัฐบาลและจะเกิดสถานการณ์เลวร้าย ดังนั้น ต้องมีวินัยเริ่มต้นที่ตัวเอง จึงจะปกป้องคนที่เรารัก คนร่วมสังคมได้
.
นี่เป็นเวลาที่ต้องสื่อสารตรงไปตรงมาว่าสถานการณ์แบบที่ยุโรปอาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งที่สุดยุโรปต้องบังคับใช้กฎหมาย ปิดสถานที่ทุกแห่ง ห้ามการเดินทางสาธารณะ ห้ามคนออกจากบ้าน เหลือเฉพาะซูเปอร์มาเก็ต ร้านขายยาที่เปิด นี่คือ มาตรการเข้มงวดที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้
.
การรู้สถานการณ์เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ให้ตื่นตระหนกแต่เพื่อเตรียมพร้อมรับมือโดยเฉพาะทางจิตใจ
.
แต่ไม่ใช่ว่าสังคมไทยจะไม่สามารถหยุดยั้งการก้าวไปสู่ระยะที่ 3 ได้ ตนเชื่อว่าถ้ามีวินัย เริ่มที่ตัวเราเอง ในการใช้มาตรการหลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้คนตั้งแต่วันนี้ จะช่วยให้หลีกเลี่ยงสถานการณ์เลวร้ายที่สุดได้

 

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า