ฮ่องกงขอ ‘แอสตร้าเซนเนก้า’ ระงับส่งวัคซีนโควิด-19 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงและประสิทธิภาพวัคซีนชนิดนี้ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ขณะที่ฮ่องกงให้เหตุผลว่า ขอระงับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เพราะมีวัคซีนยี่ห้ออื่นเพียงพอแล้ว
วันที่ 9 เมษายน 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์สและเอเอฟพีรายงานว่า ทางการฮ่องกงออกมายืนยันว่า เป็นฝ่ายร้องขอให้บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ระงับการส่งวัคซีนโควิด-19 ให้กับฮ่องกงไปก่อนในปีนี้
การขอระงับในครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า หลังหน่วยงานด้านยาของสหภาพยุโรปยืนยันว่า พบความเป็นไปได้เชื่อมโยงระหว่างการใช้วัคซีนดังกล่าวกับอาการเลือดแข็งตัว แต่มีโอกาสเกิดในระดับที่น้อยมาก ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมาก็มีบางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนชนิดนี้ โดยเฉพาะต่อไวรัสที่กลายพันธุ์ด้วย
โซเฟีย ชาน ผู้อำนวยการใหญ่ด้านสาธารณสุขของฮ่องกงระบุว่า การร้องขอให้แอสตร้าเซนเนก้าระงับการส่งวัคซีนโควิด-19 ให้ฮ่องกง เนื่องจากประเมินแล้วว่า ฮ่องกงน่าจะมีวัคซีนโควิด-19 เพียงพอให้กับประชาชนแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าอีกต่อไป จึงตัดสินใจขอระงับการนำเข้าเพื่อช่วยประชาคมโลกไม่ให้อยู่ในภาวะขาดแคลนวัคซีน
อย่างไรก็ตาม ในการแถลงข่าวเดียวกัน ผู้อำนวยการใหญ่ด้านสาธารณสุขของฮ่องกงยืนยันว่า ทางการฮ่องกงยังพิจารณาจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 อยู่ หากในอนาคตมีวัคซีนชนิดใดที่มีประสิทธิภาพต้านเชื้อได้ดีกว่า
ปัจจุบันฮ่องกงสั่งจองวัคซีนโควิด-19 จำนวน 15 ล้านโดส ซึ่งปัจจุบันมีชาวฮ่องกงได้รับวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 1 เข็มแล้วกว่า 529,000 คน จากประชากรทั้งหมด 7.5 ล้านคน
โดยฮ่องกงเลือกใช้วัคซีนโควิด-19 จาก 2 ยี่ห้อ คือวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) ที่ร่วมพัฒนากับบริษัทไบโอเอ็นเทค (BioNTech) และวัคซีนซิโนแวค (Sinavac) ของจีน ซึ่งที่ผ่านมามีชาวฮ่องกงบางส่วนตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวค ขณะเดียวกันในตอนนี้ฮ่องกงยังประสบปัญหาวัคซีนของไฟเซอร์ใช้งานไม่ได้ เนื่องจากพบมีบรรจุภัณฑ์เสียหาย จนต้องระงับการแจกจ่ายชั่วคราว