ผู้เชี่ยวชาญฮ่องกงแนะนำผู้ได้รับวัคซีนซิโนแวค ควรเตรียมรอรับวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายเพิ่ม หลังพบวัคซีนซิโนแวคสร้างแอนตีบอดีในปริมาณที่น้อยกว่าวัคซีนของไฟเซอร์ สอดคล้องกับสิงคโปร์ที่กำลังพิจารณาฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 หลังผ่านสองเข็มแรกไปแล้ว 6 เดือน
วันที่ 19 มิ.ย. 2564 เว็บไซต์ SCMP สื่อภาษาอังกฤษในฮ่องกง รายงานอ้างผลวิจัยของศาสตราจารย์เบน คาวลิง แห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกงที่เปิดเผยว่า วัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ (Pfizer) มีประสิทธิภาพสร้างแอนตีบอดี (Antibody) ไวรัสโควิด-19 ในร่างกายมากกว่าวัคซีนของซิโนแวค (Sinovac)
โดยแอนตีบอดีคือโปรตีนที่ระบบภูมิคุ้มกันมนุษย์สร้างขึ้นเพื่อระบุถึงสิ่งแปลกปลอมเมื่อเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งในกรณีของวัคซีนโควิด-19 จะมีบทบาทเข้าไปสร้างแอนตีบอดีในมนุษย์ เพื่อให้รู้จักไวรัสชนิดนี้และสามารถป้องกันได้หากมีไวรัสโควิด-19 เข้าสู่ร่างกาย
แม้จำนวนแอนตีบอดีในร่างกายจะไม่ส่งผลโดยตรงต่อการป้องกันการติดเชื้อ แต่ศาสตราจารย์คาวลิงชี้ว่า ที่ผ่านมา วงการวิทยาศาสตร์มีหลักฐานมากขึ้นว่า หากร่างกายมีจำนวนแอนตีบอดีมาก ก็จะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ดีในระยะเวลาที่นานขึ้น
จากผลวิจัยดังกล่าวทำให้ผู้เชี่ยวชาญฮ่องกงแนะนำว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคอาจต้องเตรียมรับวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อไปกระตุ้นร่างกายเพิ่มเติม แต่จากการศึกษายังไม่ได้ลงลึกไปถึงรายละเอียดว่า ระยะเวลานานเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมต่อการเข้ารับวัคซีนกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3
งานวิจัยของผู้เชี่ยวชาญฮ่องกง เกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวค สอดคล้องกับการเปิดเผยของนายเคนเนธ มัค ผู้อำนวยการหน่วยบริการสาธารณสุขของสิงคโปร์ ที่ระบุว่าจากสิ่งที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคแล้วอาจมีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ได้
ท่าทีของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสิงคโปร์รายนี้ เกิดขึ้นหลังมีรายงานสถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศที่ใช้วัคซีนซิโนแวค แต่กลับมาพบผู้ติดเชื้ออีกครั้ง รวมทั้งกรณีของอินโดนีเซียที่พบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์กว่า 350 คน ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งๆ ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคไปแล้ว โดยมีบางคนเกิดอาการป่วยรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาล
ผู้อำนวยการหน่วยบริการสาธารณสุขของสิงคโปร์ ยังเปิดเผยด้วยว่า รัฐบาลสิงคโปร์กำลังพิจารณาเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 โดยอาจทิ้งช่วง 6 เดือน หลังได้รับวัคซีน 2 เข็มแรกครบแล้ว
workpointTODAY เคยทำคลิปอธิบายเกี่ยวกับวัคซีนเข็มที่ 3 หรือวัคซีนกระตุ้น (Booster shot) ซึ่งหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทยกำลังพิจารณาเตรียมการฉีดในอนาคต เพื่อกระตุ้นการสร้างภูมิต้านทานต่อไวรัสโควิด-19 ติดตามที่นี่
