ทีมวิจัยวัคซีนเร่งศึกษา โควิด-19 กลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้ ยอมรับกังวลเชื้อต่อต้านวัคซีน

นักวิทยาศาสตร์เร่งศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนต่อไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้ ยอมรับวิวัฒนาการกลายพันธุ์ที่ไปไกลกว่าสายพันธุ์อังกฤษทำให้น่าวิตกว่า ไวรัสที่กลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้จะมีโอกาสต่อต้านวัคซีนโควิด-19

วันที่ 5 มกราคม 2564 เว็บไซต์บีบีซีรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ในแอฟริกาใต้ออกมายอมรับถึงความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ที่มีการกลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้ ว่าอาจมีแนวโน้มต่อต้านวัคซีนโควิด-19 ที่มีอยู่ ทำให้การสร้างภูมิต้านทานในร่างกายไม่ได้ผล

ศาสตราจารย์ชาเบียร์ มาห์ดี นักวิทยาศาสตร์ในแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นผู้ทำการทดลองวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสทราเซเนกา (AstraZeneca) และมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด (Oxford University) ในแอฟริกาใต้ยืนยันว่า ในทางทฤษฏีแล้ว การกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในแอฟริกาใต้เป็นเรื่องที่น่ากังวล และถือว่าความกังวลนี้มีเหตุผล เนื่องจากไวรัสโควิด-19 ในแอฟริกาใต้มีการกลายพันธุ์มากกว่าที่อังกฤษ

การกลายพันธุ์ที่ไปไกลขึ้นอาจทำให้ไวรัสสามารถหลบแอนตีบอดีที่ร่างกายสร้างหลังได้รับวัคซีนโควิด-19 ซึ่งหากแอนตีบอดีในร่างกายไม่สามารถไปเกาะกับไวรัสได้ การฆ่าไวรัสก็จะทำได้ยากยิ่งขึ้น

ในฐานะหัวหน้าทีมวิจัยวัคซีนในแอฟริกาใต้ ศาสตราจารย์มาห์ดีเชื่อว่า ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะได้คำตอบว่า วัคซีนโควิด-19 ที่มีอยู่สามารถต่อสู้กับไวรัสที่กลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้ได้มากน้อยแค่ไหน โดยในเบื้องต้น ศาสตราจารย์มาห์ดียังเชื่อมั่นว่า วัคซีนโควิด-19 ยังมีประโยชน์เพราะไวรัสที่่กลายพันธุ์น่าจะส่งผลให้วัคซีนมีประสิทธิภาพน้อยลงเท่านั้น

ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายแสดงความกังวลถึงไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ทั้งในอังกฤษและแอฟริกาใต้ ซึ่งไวรัสที่กลายพันธุ์ในอังกฤษ ส่งผลชัดเจนว่าทำให้อัตราการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นราว 40-70% แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าออกฤทธิ์รุนแรงกว่าไวรัสดั้งเดิม

ขณะที่บริษัทผู้พัฒนาวัคซีนโควิด-19 รายใหญ่อย่างไบโอเอ็นเทค (BioNTech) ระบุว่ากำลังศึกษาการทำงานของวัคซีนกับไวรัสที่กลายพันธุ์เช่นกัน โดยเบื้องต้นเชื่อมั่นว่า วัคซีนโควิด-19 ของไบโอเอ็นเทคจะต่อสู้กับไวรัสที่กลายพันธุ์ในอังกฤษได้ แต่ผลที่ชัดเจนจะทราบในเร็วๆ นี้

โดยไวรัสกลายพันธุ์ในอังกฤษและแอฟริกาใต้ทำให้หลายประเทศปิดพรมแดนกับสองประเทศดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสกลายพันธุ์แพร่ระบาดในประเทศ และอาจยิ่งทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น