สหรัฐฯ บริจาควัคซีนโควิด-19 ให้เวียดนามอีก 1 ล้านโดส พร้อมส่งถึงภายใน 24 ชั่วโมง

สหรัฐฯ ประกาศมอบวัคซีนโควิดให้เวียดนามเพิ่มอีก 1 ล้านโดส พร้อมส่งทันทีภายใน 24 ชั่วโมง โดยเป็นการบริจาคเพิ่มเติมในช่วงที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ หารือประเด็นการขยายอิทธิพลของจีนในอาเซียน

วันที่ 25 ส.ค. 2564 เว็บไซต์ NBC News รายงานว่า นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันกับนายกรัฐมนตรีเวียดนามว่า ทางการสหรัฐฯ จะบริจาควัคซีนโควิด-19 ให้กับเวียดนามเพิ่มอีก 1 ล้านโดส เพื่อช่วยควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 โดยวัคซีนล็อตนี้สหรัฐฯ พร้อมส่งถึงเวียดนามภายใน 24 ชั่วโมง

การบริจาควัคซีนโควิด-19 ล็อตล่าสุดอีก 1 ล้านโดส โดยในครั้งนี้เป็นวัคซีนของไฟเซอร์ (Pfizer) เกิดขึ้นระหว่างที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ เป็นส่วนหนึ่งของการเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งก่อนหน้านี้นางแฮร์ริสเดินทางเยือนสิงคโปร์แล้ว ซึ่งการประกาศล่าสุดทำให้สหรัฐฯ บริจาควัคซีนโควิด-19 ให้เวียดนามรวมแล้วทั้งสิ้น 6 ล้านโดส

โดยรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผู้นำเวียดนาม ได้หารือกันในหลายประเด็นสำคัญของภูมิภาค ท่ามกลางการจับตาว่า นี่คือความพยายามของสหรัฐฯ ในการส่งสัญญาณต่อการขยายอิทธิพลของจีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ตกลงกับเวียดนามว่า จะส่งเรือตรวจการณ์ชายฝั่งของสหรัฐฯ ให้กับเวียดนามเพิ่มเติม เพื่อช่วยปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงในทะเลจีนใต้ ซึ่งเวียดนามและหลายชาติอาเซียนกำลังมีข้อพิพาทกับจีน

นอกจากนี้รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังร่วมพิธีเปิดศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) สำนักงานประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนามด้วย ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยระบุว่า สำนักงานประจำภูมิภาคแห่งนี้จะทำงานร่วมกับสำนักงาน CDC ประจำประเทศและประเทศอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและตอบสนองต่อภัยคุกคามด้านสุขภาพของคนในภูมิภาคนี้ต่อไป

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า กำหนดการเยือนเวียดนามของรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าช้ากว่าแผนที่วางเอาไว้เล็กน้อย เนื่องจากทางการสหรัฐฯ พบอาการป่วยปริศนาที่เรียกว่า ‘Havana Syndrome’ ซึ่งเป็นอาการผิดปกติ เช่น มึนศีรษะ คลื่นไส้ ความจำเสื่อมที่ไม่ทราบสาเหตุ เกิดขึ้นครั้งแรกกับเจ้าหน้าที่อเมริกันในกรุงฮาวานาของคิวบาเมื่อปี 2559 อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตัดสินใจให้รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางเยือนเวียดนามได้ตามแผนต่อไป