ไทยติดโควิด-19 เพิ่ม 4,059 ราย ศบค.ยืนยันเปิดภูเก็ตตามแผน

ศบค.เผยยอดผู้ติดโควิด-19 เพิ่ม 4,059 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 35 ราย ส่วนผู้ป่วยที่กำลังรักษา มีอาการหนัก 1,479 ราย ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 410 ราย

วันที่ 22 มิ.ย. 2564 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด -19 วันนี้ เพิ่มขึ้น 4,059 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 225,365 ราย หายป่วยเพิ่ม 2,047 ราย รวมหายป่วยแล้ว 187,836 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 35,836 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 1,479 ราย, ใส่เครื่องช่วยหายใจ 410 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 35 คน ผู้เสียชีวิตสะสมรวม 1,693 คน ผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 – 22 มิถุนายน 2564 จำนวน 196,502 ราย

ผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น 4,059 ราย เป็นผู้ที่ติดเชื้อในประเทศ 3,963 ราย จากระบบเฝ้าระวังและบริการ 2,257 ราย, จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 1,794 ราย, จากเรือนจำ 75 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 21 ราย เดินทางมาจากอุซเบกิสถาน 1 ราย, รถอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย, มาเลเซีย 1 ราย, กัมพูชา 14 ราย เดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติ, สเปน 1 ราย, อาการที่ขาด 1 ราย, โมซัมบิก 1 ราย, จีน 1 ราย ส่วนผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกสะสม 5,678,848 ราย, ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 แล้ว 2,227,830 ราย ซึ่งขณะนี้วัคซีนทางเลือกกำลังเข้ามาเพิ่มเติมแล้ว

ผู้ที่เสียชีวิตทั้ง 35 คนวันนี้ เป็นชาย 25 คนหญิง 10 คน อายุระหว่าง 28 ถึง 94 ปี เป็นคนไทย 33 คน ลาว 1 คน เมียนมา 1 คน ผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ 15 คน โรคประจำตัวที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค คือ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคปอด ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคหัวใจ ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ยังเป็นบุคคลในครอบครัว ติดจากเพื่อนร่วมงาน กินนั่งกินข้าวกลางวันไปในสถานที่คนพลุกพล่าน อาศัยหรือเดินทางไปในพื้นที่แพร่ระบาด

สำหรับสถานการณ์กรุงเทพมหานคร พบจำนวน 3 แห่ง ในพื้นที่ 3 เขต คือ เขตบางเขน สถานที่ดูแลผู้สูงอายุ พบผู้ติดเชื้อ 12 ราย
เขตธนบุรี ที่ร้านผลิตและขายส่งขนมกุยช่าย ซ.เทิดไท 21 มีผู้ติดเชื้อ 23 ราย
เขตบางกอกใหญ่ ที่แคมป์คนงานก่อสร้าง ถ.เพชรเกษมสายเก่า พบมีผู้ติดเชื้อ 47 ราย  ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อพบจากการตรวจเชิงรุก จึงอยากเตือนประชาชนในกลุ่มดังกล่าวหากเจ็บป่วยให้รีบเข้ารับการรักษาทันทีเพื่อควบคุมโรค

สำหรับคลัสเตอร์ใหม่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ประกอบด้วย จ.สมุทรปราการ โรงงานรองเท้า อ.บางพลี พบผู้ติดเชื้อ 326 ราย และโรงงานแปรรูปอาหาร อ.เมือง พบผู้ติดเชื้อ 7 ราย
จ.สงขลา โรงงานอาหารทะเลกระป๋อง อ.สทิงพระ พบมีผู้ติดเชื้อ 262 ราย
จ.สมุทรสาคร โรงงานเสื้อผ้า อ.กระทุ่มแบน พบผู้ติดเชื้อ 6 ราย
จ.นครปฐม โรงงานหมู ต.บ่อพลับ อ.เมือง พบผู้ติดเชื้อ 72 ราย
จ.ระยอง แคมป์ก่อสร้าง อ.เมือง พบผู้ติดเชื้อ 51 ราย
จ.พระนครศรีอยุธยา ศูนย์วิทยุกู้ภัย อ.พระนครศรีอยุธยา พบผู้ติดเชื้อ 14 ราย
จ.ปราจีนบุรี โรงงานหินเทียม อ.ศรีมหาโพธิ พบผู้ติดเชื้อ 8 ราย

ศบค.ยืนยันเดินหน้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 

นพ.ทวีศิลป์ ยืนยันนโยบายที่จะดำเนินตามแผนภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในวันนี้จะเพิ่มสูงขึ้นถึง 4,059 ราย เพราะเรื่องการแก้ปัญหาการระบาดต้องเรียนรู้และจัดการกับโรค เกิดพื้นที่ใดจะต้องปิดและจัดการ ประกอบกับเมื่อดูตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่ภูเก็ตพบว่าเป็นตัวเลขหลักเดียว จึงยืนยันได้ว่าวันนี้ยังคงนโยบายภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์

เมื่อถามถึงเงื่อนไขหรือปัจจัยที่จะยกเลิก โฆษก ศบค. กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาด โดยจัดทำแผนรับมือและแผนชะลอหรือยกเลิกโครงการ คือจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 90 รายต่อสัปดาห์ ลักษณะการกระจายโรคในจังหวัดทั้ง 3 อำเภอและมากกว่า 6 ตำบล ระบาดเกิน 3 คลัสเตอร์หรือระบาดในวงกว้าง หาสาเหตุหรือความเชื่อมโยงไม่ได้ ความพร้อมในการรองรับผู้ป่วย มีผู้ติดเชื้อครองเตียงตั้งแต่ร้อยละ 80 ของศักยภาพจังหวัด ซึ่งเมื่อเกิดสถานการณ์ตามแผน จะมีมาตรการปรับเปลี่ยนใน 4 ระดับ คือ ปรับลดกิจกรรม การกำหนดพื้นที่เฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยว หรือ sealed route การกักกันผู้เดินทางเข้ามา หรือ Hotel quarantine และมาตรการสุดท้ายคือทบทวนให้ยุติภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ แผนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และเมื่อดูตัวเลขผู้ติดเชื้อของจังหวัดสุราษฎร์ธานีสะท้อนว่าการทำแซนด์บ็อกซ์ ยังเกิดขึ้นได้ที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า

ส่วนที่จังหวัดยะลา พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 74 ราย ยอดรวมสะสม 875 ราย ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดยะลา เผย คลัสเตอร์มัรกัส จ.ยะลา พบติดโควิดสะสมแล้ว 402 คน ใน 12 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส 111 คน, ยะลา 102 คน, สตูล 46 คน, ปัตตานี 46 คน, สงขลา 36 คน, กระบี่ 18 คน, พัทลุง 13 คน, นครศรีธรรมราช 10 คน, สุราษฎร์ธานี 9 คน, พังงา 5 คน, ตรัง 3 คน และภูเก็ต 3 คน

การเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ของจังหวัดยะลา โดยเฉพาะคลัสเตอร์มัรกัส ทางโรงพยาบาลสนามภายในโรงเรียนศึกษาพิเศษ เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา ได้เตรียมแผนขยายโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 1 หลัง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดยะลาได้เร่งติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในอาคาร พร้อมเปิดใช้งาน

ข้อมูลโรงพยาบาลสนามจังหวัดยะลา เปิดใช้งานรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดยะลาไปแล้วจำนวนเกือบ 200 คน จำนวน 2 อาคาร ซึ่งอาคารที่ 1 มีจำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้น 97 คน เป็นเพศหญิง 44 คน ชาย 53 คน ส่วนอาคารที่ 2 มีจำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้น 66 คน เป็นเพศหญิง 18 คน และชาย 48 คน อย่างไรก็ตาม การเตรียมขยายอาคารของโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติมดังกล่าว เป็นการเห็นชอบของคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 จังหวัดยะลา (ศบค.ยะลา) ที่ต้องการเตรียมความพร้อมในการที่จะรองรับ

ฉีดแอสตร้าเซเนก้า ไทยยึดหลักเว้นระยะห่าง  12 สัปดาห์

โฆษก ศบค. ตอบคำถามเกี่ยวกับการเว้นระยะห่างในการรับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าระหว่างเข็ม 1 กับ เข็ม 2 ดังนี้ ตามมาตรฐานระยะห่างของการรับวัคซีน2เข็มอยู่ที่ 12 สัปดาห์ ซึ่งประเทศไทยยังยึดถือในตัวเลข 12 สัปดาห์ ส่วนกรณีระยะห่าง 16 สัปดาห์ เป็นการอ้างอิงจากผลความรู้ การวิจัยใหม่ๆ เชิงวิชาการ ว่าแม้จะยืดไปถึง 16 สัปดาห์ ภูมิคุ้มกันก็ยังไปถึง อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่า ไทยยังคงใช้การเว้นระยะเวลา 12 สัปดาห์เป็นเกณฑ์หลัก โดยหากได้รับวันนัดอยู่ใน 12 สัปดาห์ก็ถือว่าปกติ แต่หากมีเหตุขัดข้อง เจ็บป่วย หรืออาจมีสถานการณ์เรื่องการบริหารวัคซีน ก็สามารถเลื่อนไปถึง 16 สัปดาห์ได้ โดยต้องอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ โอกาสนี้ โฆษก ศบค. ยังเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการช่วยกันในทุกๆ ทาง ทั้งในเชิงของการปฏิบัติ เชิงของการดูแลส่วนตัวและส่วนรวม เพื่อให้ผ่านความยากลำบากในสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน