SHARE

คัดลอกแล้ว

ศบค. สั่งปรับมาตรการตรวจโควิดผู้เดินทางจากแอฟริกาใต้เข้าไทย พร้อมสั่งเฝ้าระวังนักท่องเที่ยวเกือบ 200 คน เข้าไทยเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ก่อนที่จะมีประกาศห้าม ต้องเฝ้าระวัง 14 วัน

วันที่ 29 พ.ย. 2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวถึงพบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ โอไมครอนว่า ขณะนี้พบใน 8 ประเทศ ในทวีปแอฟริกา ส่วนในยุโรป พบที่อิตาลี เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ เบลเยี่ยม เชค เดนมาร์ก ส่วนในแถบเอเชียพบที่ฮ่องกง และอิสราเอล ซึ่งหลายประเทศได้ประกาศปิดประเทศแล้ว

กระทรวงสาธารณสุขได้มีการประชุมวาระฉุกเฉินเพื่อปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เข้าประเทศให้สอดคล้องกับการปรับมาตรการในหลายประเทศ แม้ในไทยยังไม่พบสายพันธุ์ใหม่ โดยผู้ที่มีประวัติพำนักหรือเดินทางไปยัง 8 ประเทศในทวีปแอฟริกาช่วง 21 วันก่อนเข้าไทย ต้องกักตัว 14 วัน และตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR และตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.64 ห้ามผู้มาจาก 8 ประเทศเสี่ยงดังกล่าวเดินทางเข้าไทย สำหรับผู้ที่มีประวัติพำนักหรือเดินทางไปยังประเทศในแถบแอฟริกา นอกเหนือจาก 8 ประเทศเสี่ยงในช่วง 21 วัน ก่อนเดินทางเข้าไทย ตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.64 ให้กักตัว 14 วัน และตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ทั้งหมด 3 ครั้ง ยืนยัน ศบค.จะให้คงมาตรการตรวจเชื้อแบบ PCR จนถึง 16 ธ.ค. จะเปลี่ยนเป็น ATK ตามที่ ศบค.ชุดใหญ่มีมติหรือไม่นั้น ต้องติดตาม ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้

  • นทท.จากกลุ่มประเทศแอฟริกาใต้ เข้าไทยสะสม 1,007 ราย

 ผู้ช่วยโฆษก ศบค. รายงานว่า ช่วงวันที่ 1-27 พ.ย. 64 มี ผู้มาจากประเทศแถบแอฟริกาใต้เข้าไทย จำนวน 1,007 ราย ผลตรวจหาเชื้อโดยวิธี  RT-PCR วันที่เดินทางถึงไทยเป็นลบ ผลตรวจไม่พบผู้ติดเชื้อ ดังนั้น การเน้นย้ำการตรวจหาเชื้อสำหรับผู้เดินทางเข้าไทยอย่างเข้มงวด เพื่อเกิดการกักตัวไม่เกิดการแพร่กระจาย

ส่วนมาตรการปรับมาตราการผู้เดินทางเข้าไทยจากทวีปแอฟริกา ประกาศเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ประเทศที่มีรายงานเชื้อชัดเจนแล้ว 8 ประเทศ หากคนไทยมีถิ่นพำนักในประเทศ 8 ประเภทนี้เกิน 21 วันจะเข้ามาแบบไม่กักตัวไม่ได้ จะเข้ามาได้ในกรณีแซนด์บ็อกซ์ หรือกักตัวเท่านั้น หลังวันที่ 27 พ.ย. เป็นต้นมา มีประกาศชัดเจนว่าจะไม่อนุญาตให้ผู้ที่เดินทางมาจาก 8 ประเทศเสี่ยงลงทะเบียนเพื่อขอเข้าราชอาณาจักรไทย

แต่ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่ลงทะเบียนมาก่อนล่วงหน้านี้แล้วจะต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัว 14 วัน มีการตรวจเชื้อโควิด โดยวิธี  RT-PCR 3 ครั้ง และมีการประกาศเพิ่มว่าในกลุ่ม 8 ประเทศนี้ หลัง 1 ธันวาคมเป็นต้นไป ห้ามไม่ให้มีการเดินทางเข้าประเทศไทยยกเว้นเฉพาะคนไทย

กลุ่มที่ 2 คือประชาชนที่เดินทางจากทวีปแอฟริกานอกเหนือจาก 8 ประเทศที่มีการรายงานพบเชื้อ เงื่อนไขก็มีรายละเอียดแตกต่างกันเล็กน้อย คือ เข้าประเทศไทยได้ในเงื่อนไขคือแซนด์บ็อกซ์และการกักตัวเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ลงทะเบียนขอเข้าราชอาณาจักรตั้งแต่ 27 พ.ย.เป็นต้นไป แล้วถ้าเกิดว่ามีการลงทะเบียนมาก่อนหน้านี้แล้วจะต้องมีการกักตัว 14 วัน RT-PCR 3 ครั้ง

  • เฝ้าระวัง นทท. เกือบ 200 ราย กลุ่มประเทศแอฟริกาใต้ เข้าไทยเมื่อวันที่ 15 พ.ย.

พญ.อภิสมัย  กล่าวว่า กรณีเดินทางมาถึงประเทศไทยก่อนหน้านี้แล้ว คือ มีจำนวนหนึ่งที่เดินทางถึงไทยตั้งแต่ 15 พ.ย. นับไปจนถึง 5 ธ.ค. ขอให้เจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงานโรคติดต่อต้องระวังติดตามอาการคนกลุ่มนี้ให้ครบ 14 วัน ซึ่งในปัจจุบันนี้มีการประสานงานทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากระทรวงการต่างประเทศและสาธารณสุขพบว่ามีนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เกือบ 200 ราย และสามารถติดตามได้ทั้งหมด จึงต้องขอความร่วมมือว่า เขาจะไปไหนอย่างไร ไปพูดคุยสัมผัสใกล้ชิดกับใคร ตอนนี้เราขอความร่วมมือที่จะติดตามเขาต่อให้ครบ 14 วัน

ส่วนผลการดำเนินการเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1-28 พ.ย.2564 มีผู้เดินทางเข้าไทยในทุกระบบ จำนวน 122,398 ราย  ผลตรวจพบเชื้อ 160 ราย เมื่อวานเพิ่ม 11 ราย คิดเป็น 0.13% ขอผู้เดินทางเข้าไทยทั้งหมด

 ในส่วนของการดูแลนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศมาแล้ว ศบค.ชุดเล็กได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและ 5 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว ทั้ง กทม. ระนอง สุราษฎร์ กระบี่ และภูเก็ต เข้ามาร่วมประชุมออนไลน์ ตอนนี้พบว่าหลายโรงแรมที่นักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว ไม่ทราบมาตรการป้องกันโควิด-19 ของประเทศไทย ว่าต้องมีมาตรการการดูแลตัวเองอย่างไรบ้างที่ตัวเขาก็จะไม่ติดเชื้อ และถ้าติดเชื้อก็จะไม่ทำให้คนไทยมีความเสี่ยง ไม่เป็นการแพร่เชื้อ บางส่วนนี้ทางโรงแรมก็ได้ชี้แจงและพยายามให้ความช่วยเหลือ

  • ไทยติดโควิด-19 ลดลงต่อเนื่อง

สำหรับยอดผู้ติดเชื้อวันนี้ 4,753 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 4,684 ราย จากเรือนจำ 57 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 12 ราย หายป่วย 6,165 ราย รักษาอยู่ 77,811 ราย อาการหนัก 1,369 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 330 ราย เสียชีวิต 27 ราย ฉีดวัคซีนแล้ว 92,360,417 โดส สำหรับผู้เสียชีวิต 27 ราย เป็นกลุ่มสูงอายุและมีโรคประจำตัว คิดเป็น 100% และมีผู้ป่วยติดเตียง 2 ราย ซึ่งได้รับเชื้อจากลูกหลาน ซึ่งรายงานการติดเชื้อจากคนใกล้ชิดมากกว่า 80% และส่วนใหญ่ผู้ที่ติดเชื้อมีอาการรุนแรงถึงเสียชีวิต เป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน

กรมควบคุมโรครายงานว่า แม้ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังมีโอกาสติดเชื้อและแพร่เชื้อได้ แต่จากการรายงานสะสมพบว่า ผู้ที่เสียชีวิตที่มีประวัติการฉีดวัคซีนครบ มีสัดส่วนน้อยกว่า 1% ซึ่งหมายความว่า การฉีดวัคซีนจะยังช่วยให้ปลอดภัย และลดอัตราการเสียชีวิตได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ผู้เสียชีวิตยังกระจายอยู่ในหลายจังหวัด ทิศทางค่อนข้างลดลง โดย จ.สมุทรสาคร ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อ ส่วน 4 จังหวัดที่ยังต้องติดตามใกล้ชิด คือ สงขลา นครศรีธรรมราช นครราชสีมา และขอนแก่น ซึ่งมีเคสมากกว่า 100 คนต่อวัน , ขณะที่ 6 จังหวัดติดเชื้อระหว่าง 50 ถึง 100 คนต่อวัน ประกอบด้วย กระบี่ ชุมพร พัทลุง ราชบุรี สระบุรี และสตูล ซึ่งก็ยังต้องติดตามใกล้ชิด , ส่วน 5 จังหวัด ที่พบผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มสูงขึ้น คือ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต เชียงราย ลำพูน และสิงห์บุรี

ส่วนจังหวัดสีฟ้านำร่องท่องเที่ยวที่จะเปิดใหม่ตามประกาศ ศบค. 1 ธันวาคมนี้ คือ นนทบุรี ปทุมธานี กาญจนบุรี และบางจังหวัดที่เป็นพื้นที่สีฟ้าเปิดบางอำเภอเพิ่ม เช่น เชียงราย เชียงใหม่ อยุธยา ขอนแก่น นครราชสีมา สุรินทร์ จันทบุรี และตราด ส่วน จ.สงขลา เปิด 16 ธันวาคมนี้ที่ อ.เมือง สะเดา และหาดใหญ่ ต้องเน้นย้ำประชาชนในพื้นที่จังหวัดสีฟ้าแม้จะมีการฉีดวัคซีนเกิน 70% แต่ก็ขอให้ระดมสรรพกำลังตลอดสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก มีการพูดถึงและเป็นห่วงคือ คลัสเตอร์ร้านอาหาร ซึ่งมีรายงานเพิ่มขึ้น ทั้งนอกห้างและในห้าง อันจะมีผลต่อการเปิดสถานบันเทิง ได้รับรายงานว่า ร้านอาหารมีการแอบจำหน่ายแอลกอฮอล์ และแอบเปิดบริการคล้ายผับ บาร์ ก็ต้องเน้นย้ำว่าที่ประชุมมีแผนจะเปิดสถานบันเทิง 16 ม.ค. 2565 ระหว่างนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะเปิดได้ และเมื่อเปิดแล้วต้องค่อยเป็นค่อยไป ปิดให้บริการ 23:00 น. และปิดร้านไหน 24:00 น.

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า