ยอดติดโควิดวันนี้น้อยสุดในรอบ 6 เดือน เหลือ 2,862 ราย

อัปเดตสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ยอดติดเชื้อน้อยสุดในรอบ 6 เดือนคือติดเพิ่มขึ้น 2,862 ราย เสียชีวิตอีก 37 ราย หายป่วยกลับบ้าน 4,818 ราย 

วันที่ 14 ธ.ค. 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ประจำวัน ดังนี้

– ติดเชื้อรายใหม่ 2,862 ราย สะสม 2,174,906 ราย
– ATK 2,471 ราย สะสม 361,477 ราย
– เสียชีวิต 37 ราย สะสม 21,231 ราย
– หายป่วยเพิ่ม 4,818 ราย
– กำลังรักษา 47,531 ราย

สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ณ เวลา 06:00 น.
– ผู้ป่วยยืนยัน 270,892,765 ราย
– กลับบ้านแล้ว 243,525,641 ราย
– ยังรักษาใน รพ.22,040,591 ราย
– เสียชีวิต 5,326,533 ราย

 ศบค.มีมติผ่อนคลายมาตรการเทศกาลปีใหม่ เคาะปรับระดับโซนสีพื้นที่ใหม่ และปรับมาตรการเข้าประเทศ

วานนี้ (13 ธ.ค. 2564) ที่ประชุม ศบค. มีมติปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร มีผลตั้งแต่ 16 ธ.ค. เป็นต้นไป ดังนี้

• ยกเลิกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด และพื้นที่เฝ้าระวัง
• พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 39 จังหวัด
• พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 30 จังหวัด
• พื้นที่สีฟ้า (นำร่องท่องเที่ยว) เพิ่มเป็น 8 จังหวัด โดยมีพื้นที่นำร่องบางพื้นที่ในจังหวัด 18 จังหวัด เพิ่ม จ.ชลบุรี เป็นพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวทั้งจังหวัด

สำหรับมาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักร
– การพำนักในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (Sandbox Programme) และการเข้ากักตัว (Quarantine Facilities) ต้องมีระยะเวลาพำนัก/กักตัว 7 วัน
– การปรับการตรวจหาเชื้อสำหรับ Test and Go และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (Sandbox Programme) เป็น RT–PCR ครั้งที่ 1 และยังคงตรวจ ATK ด้วยตนเองครั้งที่ 2

ส่วนการปรับมาตรการการจัดงานช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 กำหนดให้สามารถเปิดบริการและบริโภคสุราในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 64 – 1 ม.ค. 65 ได้ไม่เกิน 01.00 น เฉพาะร้านที่เปิดโล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก และจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด (COVID Free Setting) อย่างเคร่งครัด

–แผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ภายในเดือนธันวาคม 2564 โดยจะให้มีบริการฉีดวัคซีนอย่างน้อยจำนวน 6.6 ล้านโดส แบ่งเป็น

เข็มที่ 1 จำนวน 3.1 ล้านโดส

เข็มที่ 2 จำนวน 2.3 ล้านโดส

เข็มที่ 3 จำนวน 1.2 ล้านโดส

และจะดำเนินการแผนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นตามแนวทางใหม่ตามคำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นจากที่ประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ดังนี้

– ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือนสิงหาคม – กันยายน 2564 สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือนธันวาคม 2564

– ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือนกันยายน – ตุลาคม 2564 สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือนมกราคม 2565

– ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2564 สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2565

– ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2564 สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือนมีนาคม 2565

ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 และ 2 เป็น AstraZeneca สามารถรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็น Pfizer หรือ Moderna โดยเว้นระยะห่างตั้งแต่ 3 – 6 เดือนขึ้นไป หลังเข็มที่ 2 สำหรับประชาชนที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 และ 2 เป็น Pfizer หรือ Moderna สามารถรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็น Pfizer หรือ Moderna โดยเว้นระยะห่างตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป รวมถึงประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ เข็มที่ 1 Sinovac หรือ Sinopharm เข็มที่ 2 AstraZeneca สามารถรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็น AstraZeneca/ Pfizer หรือ Moderna โดย ศบค. มีแผนการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพิ่มอย่างน้อย 23 ล้านโดส ภายในเดือนมีนาคม 2565 เพื่อเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันแก่ประชาชน

ที่ประชุม ศบค. ยังเห็นชอบแผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย ในปี 2565 โดยรัฐบาลตั้งเป้าจะจัดหาวัคซีนจำนวน 120 ล้านโดส จากบริษัทผู้ผลิตหลายบริษัทด้วยกัน อาทิ AstraZeneca Pfizer และวัคซีนชนิด Protein Subunit เพื่อให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนอย่างเพียงพอและครอบคลุมอย่างน้อยร้อยละ 80 ของประชากรทุกคนในประเทศไทย สำหรับกลุ่มเป้าหมายอายุต่ำกว่า 12 ปี สามารถได้รับการฉีดวัคซีนตามความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครอง ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยรับการฉีดวัคซีน สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนแบบ walk-in ได้ตามสถานพยาบาลหรือศูนย์บริการฉีดวัคซีนอีกด้วย อย่างไรก็ตามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมือในการป้องกันโควิด-19 อย่างดีทำให้สถานการณ์ต่างๆดีขึ้น