SHARE

คัดลอกแล้ว

วันที่ 1 เมษายน 63 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลง ความคืบหน้าสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 120 ราย รวมสะสม 1,771 ราย, ผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านได้ 416 ราย, ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาล 1,343 ราย (อาการหนัก 23 ราย) และเสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย (รวมเสียชีวิตสะสม 12 ราย)

ผู้เสียชีวิต เป็นชาย 79 ปี อยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ มีโรคประจำตัว เบาหวาน ไตวายเรื้อรัง ประวัติการเดินทางไปร่วมงานแต่งในมาเลย์
และอีกคนเป็นชายอายุ 58 ปี กลับจากอังกฤษ

คำถามที่น่าสนใจจากสื่อมวลชน

1.ตัวเลขที่กระทรวงสาธารณสุขแถลงน้อยกว่าความเป็นจริง ตรงนี้เกิดจากอะไร
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตัวเลขที่รายงานยืนยันว่าเป็นตัวเลขจริง เกิดขึ้นจริง ซึ่งช่วงแรกเครื่องมืออาจไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ยังไม่มีความเชี่ยวชาญ ต้องใช้ถึงสองห้องตรวจสอบยืนยันผลตรวจ ตอนนี้มีความเชี่ยวชาญพอสมควรสามารถตรวจเชื้อได้วันละกว่าหหมื่นราย ส่วนใหญ่ที่มาตรวจเป็นกลุ่มคนปกติที่ตื่นตระหนก ผลตรวจเป็นลบ พบผู้ป่วยยืนยันจริงแค่ 400 กว่าคน ตรงนี้สะท้อนจากผลสำรวจที่บอกว่าประชาชนมีความเครียดมากขึ้น

2.นักเรียนแลกเปลี่ยนที่จะเดินทางกลับประเทไศไทยมีการเตรียมอย่างไร
นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กล่าวว่า การเดินทางกลับของนักเรียนในโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนนานาชาติ (เอเอฟเอส) มีการประสานงานงานกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นักเรียนในโครงการได้ทยอยกลับมาแล้ว แต่ยังเหลือกลุ่มใหญ่ที่สหรัฐฯ คาดว่าจะทยอยนำนักเรียนเดินทางกลับได้ทั้งหมดในเดือน เม.ย.นี้ นักเรียนทุกกคนจะต้องผ่านการคัดกรอง มีหนังสือรับรองจากสถานทูต และใบรับรองแพทย์ให้สามารถขึ้นเครื่องบินได้

3. แม้จะประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลายจังหวัดมีประกาศห้ามออกจากบ้าน แต่มีประชาชนบางส่วนไม่ให้ความร่วมมือจะมีการดำเนินการอย่างไร
พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวว่า ตลอดระเวลา 4-5 วันที่ผ่านมาพบว่ายังมีประชาชนบางส่วนฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ประกาศ และกฎหมาย มีหลายกรณีที่ไปมั่วสุม ตั้งวงสังสรรค์ ลักษณะนี้ถือว่ากระทำกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท ทั้ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ, พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมถึงการกักตุนสินค้า เช่นที่มีการจับกุมไปเมื่อวานขายหน้ากากอนามัยเกินราคา เป็นความผิดรุนแรงซึ่งต้องดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด เร่งรัดดำเนินคดี และสั่งฟ้องทุกข้อหา ยึดของกลางทั้งหมด ยกตัวอย่าง ชายคนหนึ่งนำน้ำลายไปป้ายสถานีรถไฟฟ้า ศาลสั่งจำคุกแล้ว 15 วัน ไม่รอลงอาญา

กรณีที่มีการประกาศห้ามนอกพื้นที่ เช่น นนทบุรี ที่มีการประกาศห้ามออกจากเคหสถานตั้งแต่เวลา 22.00 – 05.00 น. เป็นการขอความร่วมมือประชาชน ยกเว้นกลุ่มที่มีความจำเป็น เชื่อว่าประชาชนทั่วไปไม่ไดเรับผลกระทบ เพราะเวลานี้คนปกติจะอยู่บ้าน ถ้าทำงานอยู่ กทม. ช่วงเช้าสามารถเดินทางได้ ส่วนประกาศที่แม่ฮ่องสอนคือหน้าเข้าออกจังหวัด ไม่ให้คนในออกและไม่ให้คนนอกเข้า

เวลาต่อมากระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ประจำวันที่ 1 เมษายน 2563 ระบุว่า วันนี้ มีผู้ป่วยกลับบ้านได้อีก 74 คน โดยมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเติม 120 คน ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยสะสม ล่าสุดอยู่ที่ 1,771 คน จำแนกเป็นกลุ่มที่ 1 คือผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 51 ราย ประกอบด้วย สนามมวย 1 คน, สถานบันเทิง 11 คน, สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 38 คน และ ร่วมพิธีทางศาสนาที่ประเทศมาเลเชีย 1 คน

กลุ่มที่ 2 คือ ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 39 คน ประกอบด้วย ผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ/ชาวต่างชาติ 24 คน (เป็นคนไทย 22 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้เดินทางร่วมพิธีกรรมทางศาสนาที่ประเทศอินโดนีเชีย 16 คน / ชาวต่างชาติ 2 คน), อาชีพเสี่ยง 14 คน, บุคลากรทางการแพทย์ 1 คน (รวมสะสม 25 คน)

กลุ่มที่ 3 ได้รับผล lab ยืนยันพบเชื้อ อยู่ระหว่างรอประวัติและสอบสวนโรค 30 คน ได้รับรายงานผู้ปวยอาการหนัก 23 คน เสียชีวิต 2 คน คนแรกเป็นชายไทย อายุ 79 ปี มีประวัติโรคประจำตัว คือ โรคเบาหวาน ไตวายเรื้อรัง มีประวัติการเดินทางไปประเทศมาเลเซีย พบภาวะปอดอักเสบ เข้ารักษาที่โรงพยาบาลยะลา คนที่ 2 เป็นชายไทย อายุ 58 ปี มีประวัติเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษ เข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร โดยสรุปวันนี้ มีผู้ป่วยกลับบ้านแล้ว 416 คน ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,343 คน เสียชีวิตรวม 12 ราย

คำถามที่น่าสนใจจากสื่อมวลชน

1. มีข้อมูลอ้างถึงกรณีที่สหรัฐฯ บอกว่าเชื้อโควิด-19 แพร่ทางอากาศ
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ที่อเมริกาไม่ได้เป็นการแพร่ทางอากาศ การเกิดลักษณะนั้นเป็นการแพร่ระบาดแบบกลุ่มก้อน ไม่ใช่การแพร่ทางอากาศ ยืนยันว่ายังเป็นการแพร่ระบาดโดยละอองฝอยน้ำลายที่เราเข้าไปประชิดกับผู้ป่วย ทั้งนี้การติดเชื้อติดได้ 2 ทางคือ 1.หายใจเอาเชื้อเข้าไปโดยตรง ในระยะใกล้  และ 2.ไอทิ้งไว้ เชื้ออยู่ในสิ่งแวดล้อม เชื้อจะอยู่นาน 2-3 วัน เราสามารถแก้ปัญหาด้วยการทำความสะอาดพื้นผิวบ่อยๆ ป้องกันได้โดยไม่อยู่ในที่แออัด เหลียกเลี่ยงคนไอจาม ถ้าผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัยจะลดการแพร่ระบาดลงกว่า 97% ตัวผู้ป่วยสำคัญสุดเมื่อมีอาการไอจามจะต้องปิดปากทุกครั้ง ต้องใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง  ยืนยันโควิดไม่ได้แพร่ระบาดทางอากาศ แต่เป็นการแพร่ทางน้ำลาย

2. กรณีชายวัย 57 ปี ขึ้นรถไฟ เป็นลมและเสียชีวิต ตรวจสอบติดเชื้อโควิด-19
นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ต้องรอผลการตรวจชันสูตรสพผู้เสียชีวิต พบมีการติดเชื้อโควิด-19 แต่ในรายนี้มีโรคประจำตัวร่วมด้วย ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้เสียชีวิต ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตรายดังกล่าวยังไม่ได้ถูกนับรวมในจำนวนยืนยันผู้เสียชีวิตของกระทรวงสาธารณสุข โดยอยู่ระหว่างรอรายงาน

3. ผบ.เรือนจำ จ.นครนายก ติดเชื้อโควิด-19
เรื่องนี้กรมราชทัณฑ์มีการเตรียมตัวเรื่องนี้มาระยหนึ่งแล้วเพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง กรณีที่เกิดขึ้นมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งติดเชื้อ จนท.ไม่เคยเข้าพื้นที่ผู้ต้องขังอยู่ ตอนนี้อยู่ระหว่างสอบสวนรายละเอียด พรุ่งนี้จะมีการแถลงให้ทราบต่อไป

4. คนไทยกลับจากอินโดติดเชื้อ 19 คน
ตอนนี้มีผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศค่อนข้างมาก 19 รายเป็นผู้ป่วยที่สงสัย ยังไม่ใช่ผู้ป่วย ตอนนี้ใครเดินทางมาจากต่างประเทศถ้าสงสัยเราจะตรวจเชื้ออย่างเร่งด่วนและให้รอผลที่สนามบินทันที เราจะเก็บตัวผู้ป่วยที่มีอาการก่อนจนกว่าจะทราบผล หากผลบวกจะส่งไปโรงพยาบาล ผลเป็นลบจะส่งเข้าสถานที่กักกัน

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า