Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (2 เม.ย.63 ) รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยาสุนท์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค และนพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย ร่วมกันแถลงความคืบหน้าสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ประจำวันที่ 2 เม.ย. 63

โดยระบุว่า วันนี้มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 89 ราย และพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีก 104 ราย รวมจำนวนผู้ป่วยสะสม 1,875 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวมเสียชีวิตแล้ว 15 ราย

 

สำหรับผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 3 ราย มีรายละเอียดดังนี้

รายที่ 1 เป็น ชายไทย อายุ 57 ปี มีประวัติเดินทางจากสุไหงโกลก ไปปากีสถาน เสียชีวิตวันที่ 31 มีนาคม 2563 ผลการตรวจหลังเสียชีวิตพบติดเชื้อโควิด-19

รายที่ 2  เป็นชายไทย อายุ 77 ปี  มีประวัติเป็นผู้สัมผัสของผู้ป่วยยืนยัน เข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลยะลัง จังหวัดปัตตานี ด้วยอาการไข้ ไอ เจ็บคอ เสียชีวิตวันที่ 31 มีนาคม 2563

ส่วนรายที่ 3  เป็นชายไทย อายุ 55 ปี อาชีพขับรถสาธารณะ เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี เสียชีวิตวันที่ 1 เมษายน 2563 โดยสรุปวันนี้ มีผู้ป่วยกลับบ้านแล้ว 505 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 1,355 ราย เสียชีวิตรวม 15 ราย

ส่วนผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีก 104 ราย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 60 ราย มีรายละเอียด ประกอบด้วยสนามมวย 1 ราย, สถานบันเทิง 10 ราย, พิธีกรรมทางศาสนา ประเทศอินโดนีเซีย 8 ราย, เป็นผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 41 ราย

 

กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 36 ราย แบ่งเป็น เดินทางจากต่างประเทศ/ชาวต่างชาติ  14 ราย (เป็นคนไทย 11 ราย /ต่างชาติ 3 ราย), สัมผัสผู้เดินทางจากต่างประเทศ 2 ราย, ไปสถานที่ชุมชน 1 ราย, อาชีพเสี่ยง 8 ราย, บุคลากรทางการแพทย์ 2 ราย (สะสม 27 ราย) และ  อื่น ๆ  9 ราย

 

กลุ่มที่ 3 ได้รับผล lab ยืนยันพบเชื้อ อยู่ระหว่างรอประวัติและสอบสวนโรค 8 ราย

ล่าสุด มีผู้ป่วยอาการรุนแรง จำนวน 23 ราย อาการอยู่ในภาวะวิกฤต ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากตัวเลขดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มสนามมวยมีแนวโน้มลดลงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ นอกจากนี้ยังพบว่าสัดส่วนของผู้ป่วย ปัจจุบันเกิดขึ้นทั้งในพื้นที่กทม. และต่างจังหวัด แต่การเพิ่มขึ้นก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ

 

ส่วนกรณีเด็กนักเรียนไทยในประเทศอังกฤษ ออกมายอมรับว่าตัวเองกินยาพาราลดไข้ เพื่อไปขอใบรับรองแพทย์ ใช้เป็นหลักฐานเดินทางกลับประเทศไทย เมื่อถึงไทยได้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าไม่สบายเข้าข่ายอาการโรคโควิด-19 แต่เจ้าหน้าที่ไม่รับไว้กักตัว เพราะคัดกรองแล้วไม่มีไข้

 

นพ.โสภณ ยอมรับว่า หากกินยาลดไข้ก็จะสามารถลดไข้ได้ในระดับหนึ่ง โดยอาจผ่านจุดคัดกรองได้ เพราะตามหลักการการตรวจหากไม่พบไข้ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถกักตัวได้ ดังนั้นหากผู้ป่วยสงสัยว่าเข้าข่ายติดเชื้อให้รีบไปโรงพยาบาล จากนี้คงต้องยกระดับการคัดกรองที่สนามบินให้เข้มข้นมากขึ้น

รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค

ขณะที่ รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค ระบุว่า สถานการณ์โควิด-19 ปัจจุบัน ยอดจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อทั่วโลกทะลุไปไกลมาก แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มยุโรป อเมริกา ที่ตอนนี้เป็นผู้ป่วยหลักไปแล้ว กับอีกส่วน กลุ่มคนเอเชีย ที่ตอนนี้ อยู่ในระดับผู้ป่วยหลักพัน เมื่อวิเคราะห์สภาพตอนนี้ ระหว่าง กลุ่มยุโรป อเมริกา มีความแตกต่างอย่างมากกับประเทศไทย เนื่องจาก ชาวต่างชาติ พฤติกรรมไม่ค่อยเชื้อเรื่องการใส่หน้ากากอนามัยฯ โดยจะใส่ต่อเมื่อป่วย แต่พฤติกรรมของคนไทย มีการใส่หน้ากากอนามัยฯ เกือบร้อยละ 90 และมีการตั้งจุดแอลกอฮอล์ตามสถานที่ต่าง ๆ และการณรงค์ให้ล้างมือบ่อย ๆ ซึ่ง 2 จุดสำคัญนี้ ที่ประเทศไทยรณรงค์ ทำให้ระดับผู้ป่วยขยับไปเรื่อย ๆ ไม่ได้พุ่งสูงแบบก้าวกระโดด พร้อมฝากย้ำ ประชาชนในมาตรการป้องกันตัวเองที่ยังคงต้องเข้มข้นอยู่ เช่น การใส่หน้ากากอนามัย การล้างมือ เช่น เมื่อ เข้าบ้าน ให้ล้างมือทันที อาบน้ำ ถ้าวันไหนเราออกไปเจอคนเยอะๆ ไปหลายสถานที่ กลับบ้านให้รีบ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้าทันที

ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนกว่าที่ผ่าน เราได้ข้อมูลการเจ็บป่วยของผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยผู้ป่วยด้วยโรคนี้ วันแรก ร้อยละ31 จะไม่มีไข้อะไรเลย แต่เมื่อเชื่อเริ่มลงปอด จะเริ่มมีไข้ ไอ ซึ่งจุดนี้เอง จะสามารถตรวจจากการอาการไข้ได้

สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตบนรถไฟ ของชายไทยที่กลับจากปากีสถานนั้น รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี  ระบุว่า เบื้องต้นพบว่า ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานร่วมด้วย อีกทั้งระหว่างการเดินทางมีการอาเจียน ซึ่งลักษณะอาการข้างต้น บ่งบอกว่าไม่ได้เกิดจากโควิด-19  เพราะวัดไข้ได้ 36 องศา ผ่านทุกด่านมาได้ ตอนไปซื้อตั๋วยังเดินได้ ขณะอยู่บนรถไฟ มีไอบ้าง ระหว่างทาง มีอาการอาเจียนร่วมด้วย เริ่มเหนื่อย จากการประเมิน ไม่น่าใช่จาการติดเชื้อที่ปอดเป็นหลัก หากการตายปุปปัป จะเดินแบบนี้ไม่ได้ เมื่อหลังเสียชีวิต ผลตรวจพบเชื้อไวรัส ค่อนข้างสูง แต่การเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน จากการประเมินเบื้องต้น เหมือนกับว่า มีโรคหัวใจด้วย ผู้เสียชีวิต มีประวัติ เบาหวาน มีการฉีดยาเพื่อคุมระดับน้ำตาล ซึ่งถือว่าหนัก รวมถึงอาจจะมาจากการคุมน้ำตาลได้ไม่ดี

จากรายงานทางการแพทย์ หากป่วยอาการหนักด้วยโควิด-19 ต้องใช้เวลาหลายวัน ก่อนที่จะเสียชีวิต กรณีผู้เสียชีวิตรายนี้ ประวัติมีโรคประจำตัวร่วมด้วย อาจจะเป็นส่วนหนึ่งในการทำเสียชีวิตเฉียบพลัน

ทั้งนี้ โรคเบาหวาน ถือเป็นโรคประจำตัวสูงสุดของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โดยเบาหวานเป็นโรคที่มีอายุยืนยาว ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยแต่ละราย จะควบคุมน้ำตาลในร่างกายให้ดีแต่ไหน โดยถือเป็นโรคหนึ่งที่ทำให้ภูมิในร่างกายลดลง

รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี  ยอมรับว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 ที่เราพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ประเทศไทยเราเดินมาถึงจุดที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เหมือนกับหลายประเทศ อาจต้องมีการใช้ซ้ำแน่นอน พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้ รพ.รามาธิบดี มีการศึกษาวิจัย การใช้ซ้ำของอุปกรณ์ป้องกันหน้ากากอนามัย N95 ในการฉายเครื่อง UV ซึ่งอยู่ระหว่างการรอผลทดสอบ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะชัดเจน

ส่วนกรณีบุคลากรทางการแพทย์ ขาดแคลนชุดป้องกันเชื้อโรค ยังคงต้องเป็นชุด PPE ต้องใส่ชุดกันฝนในการดูแลผู้ป่วย เบื้องต้นป้องกันได้ แต่ไม่ได้มาตรฐาน ย้อนไป เมื่อ13ปีแล้ว ตอนเกิด ไข้หวัดนก มีการใช้เหมือนกัน เพียงแต่ต้องรวบชุดให้เรียบร้อยรัดกุม แต่ตามหลักมาตรฐานในการป้องกันเชื้อโรคถือว่าต่ำมาก

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มหลังจากที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ว่า สถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นเล็กน้อย ส่วนการประเมินผลลัพธ์ หลังการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คาดว่าต้องใช้ระยะเวลา 1 สัปดาห์

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า