Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ศบค.ชุดใหญ่ เคาะต่อเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2 เดือน, ลดพื้นที่สีส้มเหลือ 44 จังหวัด เพิ่มพื้นที่สีเหลืองเป็น 25 จังหวัด ไม่ขยายเวลา WFH และเปิดเข้าประเทศแบบ Test&Go เริ่ม 1 ก.พ.นี้

วันที่ 20 ม.ค. 2565 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หรือ ศบค. เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธาน มีมติดังนี้

  1. ขยายระยะเวลาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 16 อีก 2 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.-31 มี.ค. 2565)
  2. เห็นชอบปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร มีผลตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. 2565
  • ลดพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จาก 69 จังหวัด เหลือ 44 จังหวัด
  • เพิ่มพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) เป็น 25 จังหวัด
  • คงพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (สีฟ้า) 8 จังหวัด
  1. ไม่ขยายเวลา Work from Home จากเดิมที่จะไปสิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม 2565 เนื่องจากต้องการควบคุมการเคลื่อนย้ายของคน แต่ ณ ตอนนี้ไม่น่าจะเป็นประเด็นแล้ว จึงไม่ขยายระยะเวลา และให้เป็นไปตามความเหมาะสมและการพิจารณาของหน่วยงานที่สามารถประกาศเองได้
  2. เปิดลงทะเบียน Thailand Pass สำหรับผู้เดินทางเข้าไทยทั้งไทยและต่างชาติในรูปแบบ Test&Go เริ่ม 1 ก.พ. 2565 โดยไม่กำหนดประเทศต้นทาง รับทุกประเทศ

สำหรับเงื่อนไขการเข้าไทยในรูปแบบ Test&Go ที่มีการปรับเปลี่ยน มีดังนี้

1.อนุญาตให้เข้ามาได้ทุกประเทศ

2.ปรับการตรวจหาเชื้อโดยใช้วิธี RT-PCR 2 ครั้ง โดยมีหลักฐานการจองโรงแรมที่พักในวันแรก และในวันที่ 5 โดยเป็นโรงแรมที่มีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ (SHA++ AQ 0Q หรือ AHO)และ มีหลักฐานชำระเงินการตรวจหาเชื้อจำนวน 2 ครั้ง

3. จัตระบบการตรวจสอบ และกำกับการเข้าที่พัก และตรวจหาเชื้อให้ครบ 2 ครั้ง โดยต้องอยู่รอในที่พัก/สถานที่ที่กำหนด จนได้รับผลการตรวจ

4. กำหนดระบบประกันให้ชัดเจน กรณีประกันไม่ครอบคลุม ผู้เดินทางจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของ Hospital Hospitel/Hotet Isolation และกรณี HRC” เอง

5. กรณีเกิดการระบาดมากขึ้น หรือสถานการณ์เปลี่ยนแปลง พิจารณาการรับผู้เดินทางแล้วปรับมาใช้ระบบพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (Sandbox)

นอกจากนี้ ศบค.ยังมีมติให้ขยาย Sandbox ชลบุรี (อ.บางละมุง เมืองพัทยา อ.ศรีราชา อ.เกาะสีชัง อ.สัตหีบ เฉพาะต.นาจอมเทียน ต.บางเสร่) และตราด (เกาะช้าง) โดยเปิดพื้นที่ให้เดินทางไปยังกลุ่มพื้นที่ จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต๋า) โดยในช่วง 7 วัน ต้องพำนักในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว โดยเริ่มลงทะเบียนเข้าพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.นี้

ส่วน 5 จังหวัดที่จะมีการเพิ่มเติมเข้ามา ได้แก่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด , จ.สระแก้ว(อำเภอเมือง อรัญประเทศ) มุกดาหาร(เมือง) บึงกาฬ นครพนม อุบลราชธานี(อ.เมือง,สิรินธร) ให้เลื่อนไปก่อน รอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

  • มาตรการผ่อนคลายกิจการ กิจกรรม

การบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ที่ผ่านมา พบการระบาดในร้านอาหารที่มีการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในช่วงหลังปีใหม่จำนวนมาก และจากการมีมาตรกาจำกดเวลาในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้การระบาดเป็นกลุ่มก้อนในร้านอาหารเริ่มลดลง ประกอบกับมีการแจ้งจากผู้ประกอบการขอขยายเวลาดื่มแอลกอฮอล์

ส่วนสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ต้องการปรับรูปแบบมาเป็นร้านอาหาร ก็ให้ผู้ประกอบการ ปรับมาตรการตามที่กำหนด และสามารถขออนุญาตจากคณะกรรมการโรติดต่อจังหวัด หรือคณะกรรมการโรคติดต่อกทม.ได้เมื่อมีความพร้อม โดยไม่กำหนดระยะเวลา

ดังนั้น ควรปรับมาตรการ การบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร หรือสถานที่ที่มีลักษณะเดียวกัน ทั้งในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว และพื้นที่เฝ้าระวังสูง ดังนี้

  • จำกัดเวลาในการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่เกิน 24.00 น. (ปรับจากเดิม 21.00 น.)
  • จำกัดประเภทร้านอาหารที่บริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ และ Thai Stop COVID 2 Plus เท่านั้น ตามมาตรการ COVID Free Setting

สำหรับการเปิดโรงเรียน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า 30,000 กว่าโรง มีการเปิดเรียนไปแล้ว 17,000 กว่าโรงเรียน ยังเหลืออีกหมื่นกว่าแห่ง ที่มีนักเรียนหลักพันไม่สามารถเปิดเรียนได้เนื่องจากมีข้อติดขัดเรื่องการเว้นระยะห่างของเด็กนักเรียนในชั้นเรียน จึงทำให้เป็นข้อจำกัด ดังนั้น ผอ.ศบค.จึงมอบหมายผอ.ศปก.หารือในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้เด็กนักเรียนกลับมาเรียนในโรงเรียน เพราะถึงเป็นเรื่องที่สำคัญ นอกจากนี้ ศบค.ยังเห็นชอบปรับมาตรการป้องกันโควิด-19 สำหรับทุกพื้นที่ อาทิ ไม่ขยายเวลา work from home ให้เป็นไปตามความเหมาะสม และการพิจารณาของหน่วยงาน ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบค.ยังเห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานกาณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 16 ที่อีก 2 เดือน หรือ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.- 31 มี.ค. 2565

  • ปรับแผนการฉีดวัคซีนใหม่ รับจำนวนประชากร จำนวน 68.60 ล้านคน

การบริหารจัดการวัคซีน เดิมจำนวนประชากรมีประมาณ 72 ล้านคน แต่เนื่องจากประชากรมีการเกิด เคลื่อนย้าย และเสียชีวิตในระหว่างปี รวมถึงมีมาตรการจำกัดการเดินทางและมีชาวต่างชาติเดินทางกลับประเทศ จึงมีการปรับฐานข้อมูลตามประกาศของสำนักทะเบียนกลาง กระทรวงมหาดไทย  รวมประชากรชาวไทยและต่างชาติตามสิทธิการรักษาเป็นจำนวน 68.60 ล้านคน เมื่อรวมกับประชากรที่ไม่มีสิทธิการรักษา ทั้งที่มีสัญชาติไทยและไม่มีสัญชาติไทยแต่ละจังหวัดอีก 9.6 แสนคน รวมเป็นฐานข้อมูลใหม่ 69.60 ล้านคน น้อยกว่าเดิมประมาณ 2 ล้านคน และจะใช้ตัวเลขนี้ในการบริหารการฉีดวัคซีนในปี 2565 โดยในเดือนกุมภาพันธ์จะมีวัคซีน รวมทั้งสิ้น 11.6 ล้านโดส ดำเนินการตามแผนดังนี้

  1. แผนบริการฉีดวัควีนในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี
  2. แผนการรณรงค์เร่งรัดการการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโควิด 19 ที่เป็น “เข็มกระตุ้น”
  3. แผนการส่งวัคซีนคืนไปต่างประเทศ ส่งคืนสิงคโปร์และภูฏาน ที่เรายืมมา
  4. แผนการบริจาควัคซีนแก่ต่างประเทศ ในประเทศเพื่อนบ้านเรา และกลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกา

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการนำเข้าแรงงาน 3 สัญชาติ ที่จะนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งก็จะสอดคล้องไปกับเรื่องของวัคซีนด้วย โดยมอบให้ทุกหน่วยงานดูแลในรายละเอียด มีการติดตามในระดับพื้นที่ด้วย

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า