กทม.พบคลัสเตอร์สนามมวย-สถานพยาบาล ศบค.ห่วงเกิดคลัสเตอร์ช่วงตรุษจีนเพิ่ม

ศบค. เผยกทม.พบคลัสเตอร์สนามมวย-สถานพยาบาล ห่วงเกิดคลัสเตอร์ช่วงตรุษจีนเพิ่ม ย้ำสถานที่ที่มีการรวมตัวต้องอยู่ภายใต้มาตรการ Covid free setting

วันที่ 25 ม.ค. 2565 พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำสัปดาห์ ระบุว่าวันนี้มีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 6,718 ราย ติดเชื้อในประเทศ 6,497 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 152 ราย จากเรือนจำ ที่ต้องขัง 69 ราย มีผู้ป่วยหายแล้ว 7,659 ราย ผู้ป่วยรักษาอยู่ 81,532 ราย ผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 40,343 ราย ผู้ป่วยรักษาอยู่ในโรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 41,189 ราย ผู้ป่วยอาการหนัก 548 ราย ผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจ 114 ราย และมีผู้เสียชีวิต 12 ราย

พญ.สุมนี กล่าวว่า คลัสเตอร์ที่มีการระบาดเชื้อโควิด มากที่สุดคือคลัสเตอร์โรงงาน สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา สุโขทัย และกาญจนบุรี นอกจากนี้ยังพบคลัสเตอร์พิธีกรรมทางศาสนา คือ คลัสเตอร์งานศพ จ.อุดรธานี และ จ.ขอนแก่น ส่วนงานแต่งงานที่ จ.น่าน จ.ศรีสะเกษ

นอกจากนี้ยังพบคลัสเตอร์ค่ายทหารและค่ายตำรวจ จ.ลพบุรี จ.มุกดาหาร และคลัสเตอร์สถานพยาบาล 5 จังหวัด ในกรุงเทพฯ 22 ราย, นนทบุรี 7 ราย, อุบลราชธานี 6 ราย, ชลบุรี 5 ราย และสมุทรปราการ 5 ราย ซึ่งการพบการติดเชื้อในสถานพยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ส่วนหนึ่ง มีการลงไปสอบสวนโรค พบว่า บุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากในครอบครัว หรือญาติสนิทหรือเพื่อน

และล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา มีการรายงานพบการติดเชื้อในค่ายมวย เขตบางกอกน้อย ป่วยแล้ว 11 ราย สอบสวนโรคพบมีปัจจัยเสี่ยงคือ รับประทานอาหารร่วมกันและดื่มน้ำจากแก้วเดียวกัน ใช้อุปกรณ์ซ้อมมวยร่วมกัน เช่น นวมและเชือกกระโดด ส่วนสถานที่ไม่มีจุดตั้งเจลแอลกอฮอล์และไม่มีการคัดกรองบุคคลภายนอกที่เข้ามาซ้อมมวย ขณะเดียวกันทำกิจกรรมเป็นเวลานานไม่มีการสวมหน้ากากอนามัย

ทั้งนี้ การคาดการณ์ผู้ติดเชื้อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมามีทิศทางทรงตัว ไม่เพิ่มขึ้น ติดเชื้อปานกลาง แต่ยังไม่สามารถไว้วางใจได้ จึงต้องยึดมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นสิ่งสำคัญ หลังผ่านการฉีดวัคซีนตามสูตรไป 3 เดือน ภูมิคุ้มกันจะลดลง ดังนั้น ต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อลดการป่วยหนัก และลดการเข้ารักษาตัว ซึ่งจากการศึกษาของต่างประเทศและในประเทศไทย ยืนยันว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นสามารถป้องกันเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้

และเทศกาลตรุษจีนช่วงวันที่ 28 ม.ค. – 3 ก.พ.นี้ ศบค.เห็นชอบมาตรการควบคุมความเสี่ยงที่จะมีการรวมตัวของญาติพี่น้อง เพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษและพบปะสังสรรค์ การเดินทางไปซื้อของ การไปร้านอาหารเพื่อสังสรรค์ในครอบครัว การไปไหว้เจ้าขอพรที่ศาสนสถานกิจและศาลเจ้า ดังนั้นสถานที่ที่มีการรวมตัว ต้องอยู่ภายใต้มาตรการ Covid free setting

การให้บริการวัคซีนและเปิดรับจองการฉีดวัคซีน เข็ม 3 ให้แก่ประชาชนทั่วไป สามารถเดินทางไปรับบริการที่หน่วยความร่วมมือในและนอกสถานพยาบาล ดังนี้

หน่วยความร่วมมือนอกสถานพยาบาล มีดังนี้

1. ศูนย์ ThaiPBS ร่วมกับ รพ.ธนบุรี (บำรุงเมือง)
2. ธัญญาพาร์ค ร่วมกับ รพ.กล้วยน้ำไท
3. Central World ร่วมกับ รพ.จุฬาลงกรณ์
4. Central พระราม 3 ร่วมกับ ทันตแพทย์จุฬาฯ และ สำนักอนามัย
5. Central ปิ่นเกล้า ร่วมกับ รพ.รามาธิบดี และ สำนักอนามัย
6. Central อีสวิลล์ ร่วมกับ รพ. นวมินทร์ 9
7. โรบินสัน ลาดกระบัง ร่วมกับ รพ.ธนบุรี (บำรุงเมือง)
8. EnCo Terminal (อยู่ระหว่างประสานดำเนินการ)
9. จุดฉีดวัคซีนผู้ประกันตน กทม. 20 จุด (จุดละ 1500 คน/วัน)
10. โรงพยาบาลในพื้นที่กทม. 129 แห่ง (ภาครัฐ และภาคเอกชน) (67,375 คน ต่อวัน)
11. ศูนย์ฉีดวัคซีน ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (2,000คน/วัน)
12. ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง (7,557 คน ต่อวัน

หน่วยบริการวัคซีนเชิงรุก

• Bangkok Mobile Vaccine ร่วมกับโรงพยาบาลศุขเวช
• บริการเชิงรุก CCRT โดยศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง
• หน่วงเชิงรุกกลุ่มเปราะบาง ติดบ้านติดเตียง

ระบบจองฉีดวัคซีน : โรงพยาบาลมีระบบจองฉีดวัคซีน ด้วยระบบของโรงพยาบาล 101 แห่ง ใช้การจองผ่านช่องทางต่างๆ เช่น Facebook, Line, Website, โทรศัพท์, การส่ง SMS หรือการ Walk in เพื่อลงทะเบียนที่โรงพยาบาล

จุดฉีดวัคซีนที่ใช้การจองผ่าน Application QueQ

1. ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง
2. โรงพยาบาลในพื้นที่กทม. 17 แห่ง (ภาครัฐ และภาคเอกชน)
3. โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร 11 แห่ง
4. ศูนย์ฉีดวัคซีน ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย – ญี่ปุ่น)