สรุปผลประชุม ศบค.ชุดใหญ่ 23 ก.พ. 2565

โฆษก ศบค. แถลงสรุปผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่มีมติเห็นชอบ 4 เรื่องน่าสนใจ ทั้งเรื่องมาตรการเปิดเรียนแบบ On-Site โรงเรียนประจำและไปกลับ อัตราการครองเตียง ลดการตรวจโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR เหลือ 1 ครั้ง และลดวงเงินประกันสุขภาพ

วันที่ 23 ก.พ. 2565 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หรือ ศบค. เแถลงสรุปผลการประชุมซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. เป็นประธาน โดยระบุว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วย 21,232 ราย เสียชีวิต 39 ราย อัตราการเสียชีวิต 0.82% สะท้อนถึงความรุนแรงของโรคที่ลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับการระบาดระลอกต่างๆ พบว่าระลอกเดลตาไทยมีผู้ติดเชื้อสูงสุด 23,418 ราย มีอาการปอดอักเสบ 5,615 ราย ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 1,172 ราย เสียชีวิต 301 ราย แตกต่างจากระลอกโอไมครอนซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อาการไม่มาก แต่ยังต้องเฝ้าระวังกลุ่มเปราะบาง ผู้เสียชีวิตแม้จะยังต่ำกว่าการคาดการณ์แต่มีทิศทางที่พุ่งสูงขึ้น

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงอัตราการครองเตียงว่า ยังไม่มาก ทั้งประเทศครองเตียงไปประมาณครึ่งหนึ่ง หรือ 49.1% แต่ก็อยากให้สำรองเตียงไว้ให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง กลุ่มป่วยวิกฤตและป่วยหนัก ส่วนอาการน้อยๆ หรือไม่มีอาการอยากให้อยู่ศูนย์พักคอยในชุมชน (CI)

ทั้งนี้ ผอ.ศบค.มีความเป็นห่วง เรื่องสายด่วนที่คนโทรจำนวนมาก ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับการดูแลอย่างดี ถ้าที่บ้านไม่พร้อมที่จะแยกกัก บางบ้านอาจจะอยู่เป็นห้องเดียว จะทำอย่างไร หรือต้องออกมาอยู่ข้างนอกก็ต้องให้ได้รับการดูแล  ส่วนภาพรวมของการจัดระดับสถานการณ์ย่อยหรือพื้นที่สียังคงเดิม ข้อมูลทุกอย่างยังไม่เปลี่ยนแปลงไป

สรุปผลประชุม ศบค.ชุดใหญ่ที่น่าสนใจ มีดังนี้ 

1.คงพื้นที่กำหนดมาตรการควบคุมโควิด-19 ตามเดิม คือ พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 44 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 25 จังหวัด และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (สีฟ้า) 8 จังหวัด และจังหวัดอื่นที่ดำเนินการนำร่องท่องเที่ยวเป็นบางพื้นที่ใน 18 จังหวัด

2. งบสำหรับบริการโควิด-19 ปี 2563-2565 รวม 32,488 ล้านบาท ปรับเกณฑ์ค่ารักษาโควิดเริ่ม 1 มี.ค.นี้

ในปี 2563 มีการจ่ายค่าบริการโควิด-19 ไปแล้ว 3,841.15 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกรมบัญชีกลาง 232.19 ล้านบาท ประกันสังคม 306.87 ล้านบาท และหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 3,302.09 ล้านบาท ส่วนปี 2564 จ่ายไป 97,747.94 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่กระโดดขึ้นมาสูงมาก โดยแบ่งเป็นกรมบัญชีกลาง 3,652.97 ล้านบาท ประกันสังคม 42,917.39 ล้านบาท และหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 51,177.58 ล้านบาท ส่วนในปี 2565 จ่ายผ่านหลักประกันสุขภาพแห่งชาติไปแล้ว 32,488 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเสนอของบฯ เพิ่ม 51,065.13 ล้านบาท

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า หากรวมตัวเลขค่าใช้จ่ายค่าบริการโควิด-19 ในช่วงปี 2563-2565 รวมทั้งหมดจำนวน 134,072 ล้านบาท เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น และก้อนที่ใช้เงินมากเป็นผู้ป่วยโรคสีแดง สำหรับค่าเฉลี่ยการจ่ายค่ารักษาโควิด-19 ต่อราย แบ่งตามอาการ

• ผู้ป่วยสีเขียว ภาครัฐจ่ายไป 23,248 บาท เอกชน 50,326 บาท
• ผู้ป่วยสีเหลือง ค่าใช้จ่าย 81,844 บาท เอกชน 92,752 บาท
• ผู้ป่วยสีแดง ค่าใช้จ่าย 252,182 บาท และเอกชน 375,428 บาท

ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ สปสช.จะปรับเกณฑ์ค่ารักษาโควิด-19 โดยใช้เกณฑ์ค่าลงมาอยู่ที่ผู้ป่วยสีเขียว รายละ 12,000 บาท, สีเหลือง 69,300 บาท และสีแดง 214,400 บาท ขณะที่สัดส่วนเงินที่ใช้สำหรับยูเซ็ปหรือผู้ป่วยฉุกเฉินโควิด-19 พบว่าเป็นผู้ป่วยสีเขียวใช้สิทธิในส่วนนี้ถึง 88% ขณะที่สีแดงมีเพียง 1% ส่วนสีเหลืองมี 11% ศบค.ได้รับทราบเรื่องแล้ว และขณะนี้รัฐบาลยังคงมาตรการยูเซ็ปไว้ หากมีการปรับเกณฑ์ก็ให้เสนอเพื่อพิจารณาอีกครั้ง เพื่อให้สมเหตุสมผลต่อไป

3.เห็นชอบมาตรการเปิดเรียนแบบ On-Site โรงเรียนประจำและไปกลับ อยู่ได้กับโรคโควิด-19 กรณีนักเรียนมีความเสี่ยงและติดเชื้อในสถานศึกษาแยกเป็น 3 กลุ่ม คือ

กลุ่ม 1 โรงเรียนประจำ กรณีนักเรียน ครู หรือบุคลากร เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ให้เรียน On-Site ตามปกติ แต่ต้องสังเกตอาการ หากเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้จัดการเรียนการสอนและทำกิจกรรมใน Quarantine zone ตามแนวทาง sand box safety zone in school เป็นเวลา 7 วัน และให้ติดตามสังเกตอาการอีก 3 วัน จัดการตรวจคัดกรองหาเชื้อตามระยะเวลาที่กำหนด

กลุ่ม 2 โรงเรียนไป-กลับ ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำให้ไปเรียนตามปกติ หากเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้แยกกักตัวที่บ้าน 7 วัน สังเกตอาการ 3 วัน ตรวจหาเชื้อตามระยะเวลา

กลุ่ม 3 กรณีการจัดสอบ หากผู้เข้าสอบติดเชื้อไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อยหรือสัมผัสเสี่ยงสูงให้เข้าสอบได้ แต่ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือก่อนและหลังเข้าสอบ งดพูดคุย เว้นระยะห่าง เดินทางไปสนามสอบด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือประสานหน่วยสถานที่สอบ หน่วยบริการสาธารณสุข กรณีไม่มีรถส่วนตัว ส่วนผู้คุมสอบปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเข้มข้น โดยสถานที่จัดสอบสำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงสูงหรือผู้ติดเชื้อที่เป็นสัดส่วน อยู่ในลักษณะที่โล่ง โปร่งอากาศถ่ายเท เว้นระยะห่างไม่น้อยกว่า 2 เมตร

4. เห็นชอบลดการตรวจโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR เหลือ 1 ครั้ง ลดวงเงินประกันสุขภาพ

ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ว่มีมติเห็นชอบการปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักรให้ยกเลิกการตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR ครั้งที่ 2 คือวันที่ 5 เมื่อเดินทางถึงไทยโดยเปบลี่ยนเป็นการตรวจแบบ ATK แทน และให้รายงานกลับมาทางแอปพลิเคชั่น ให้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2565

นอกจากนี้ที่ประชุม ศบค. ยังเห็นชอบลดวงเงินประกันสุขภาพจากเดิม 50,000 เหรียญ ลดลงเหลือไม่น้อยกว่า 20,000 เหรียญ หรือ ไม่เกิน 700,000 บาทต่อราย ซึ่งครอบคลุมเพียงพอต่อการรักษาโควิด-19 ประมาณ 300,000 บาทต่อราย ทำให้ต้องใช้งบประมาณแผ่นดิน ไม่ต้องใช้เงินภาษีประชาชน

ฟังแถลงจาก ศบค. https://fb.watch/blGdoBArOe/