SHARE

คัดลอกแล้ว

ปิดผลการวิจัยยาฟาวิพิราเวียร์รักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 พบ 79% อาการดีขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 ของการรักษา แนะให้หลีกเลี่ยงใช้กับหญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะช่วงไตรมาสแรก

วันที่ 17 มี.ค. 2565 ศูนย์วิจัยคลินิกศิริราช เปิดเผยผลการศึกษาวิจัยการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ในผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อยหรือปานกลางเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา ระบุที่มาของโครงการว่า ยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ออกฤทธิ์ด้วยการยับยั้งเอ็นไซม์ RNA-dependent RNA polymerase ซึ่งสามารถยับยั้ง ไวรัสโควิด-19 ในหลอดทดลองได้ จากประสบการณ์ใช้ยาและเก็บผลการรักษาย้อนหลังพบว่าได้ผลการรักษาในผู้ป่วยโควิด-19 ได้ดี แต่ ประโยชน์ในการลดการเสียชีวิตหรือป่วยหนักยังไม่ชัดเจน ทั้งนี้ยังไม่มี การวิจัยแบบเก็บข้อมูลไปข้างหน้าเทียบกับการไม่ให้ยาฟาวิพิราเวียร์ เพื่อดูประโยชน์ของการใช้ยาในผู้ป่วยที่เพิ่งเริ่มมีอาการเล็กน้อยหรือปานกลาง

วิธีวิจัย ได้ทำการศึกษา (Confirmatory Study) ระยะที่ 3 แบบเปิดและมีการสุ่ม (Randomized Controlled Trials) ในผู้ป่วยโควิด 19 ที่มีอาการไม่หนักและยังไม่มีภาวะปอดอักเสบ เปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ วันละ 2 ครั้ง ขนาด 1,800 มก./dose ในวัน แรก และ 800 มก./dose ในวันต่อมา (62 ราย) และกลุ่มควบคุม (31 ราย) โดยประเมินผลการรักษาจาก NEWS ซึ่งเป็นการประเมินอาการ ตามมาตรฐานสากล โดยดูจากอุณหภูมิ อัตราการหายใจ การเต้นของ หัวใจ ความดันโลหิต ภาวะออกซิเจนในร่างกาย

ผลการศึกษาพบว่าผู้ป่วยในโครงการเริ่มยาเฉลี่ยที่ 1.7 วัน หลังจากเริ่มมีอาการเมื่อประเมินอาการโดย NEWS ในช่วงเวลาการรักษา 14 วันพบว่า

• กลุ่มที่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์มีอาการดีขึ้น 79% ขณะที่กลุ่ม ควบคุมมีแค่ 32.3% กลุ่มฟาวิพิราเวียร์อาการดีขึ้นเร็วกว่าอย่างมีนัยสําคัญ โดยครึ่งหนึ่ง ของผู้ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์มีอาการดีขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 ของการ รักษา เมื่อเทียบกับ 14 วันในกลุ่มควบคุม

• จํานวนไวรัสในผู้ป่วยที่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ลดลงไม่แตกต่างจากกลุ่มควบคุม จนกระทั่งวันที่ 13 และ 28 ของการรักษา ซึ่งจะพบว่า กลุ่มที่ได้ยาฟาวิพิราเวียร์จะมีปริมาณไวรัสต่ำกว่า
ผลข้างเคียง พบการขึ้นของระดับกรดยูริคในผู้ป่วยที่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์อย่างมีนัยสําคัญเทียบกับกลุ่มควบคุม ไม่พบอาการ ข้างเคียงอื่นที่แตกต่างกัน

ข้อสรุปและคําแนะนํา ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสก่อโรคโควิด-19
• ยาฟาวิพิราเวียร์ ขนาด 1,800 มก. เช้า-เย็นในวันแรก และ 800 มก เช้า-เย็นในวันต่อมา เป็นการรักษาที่ควรเริ่มทันทีที่มีอาการยังไม่หนัก
• ยาฟาวิพิราเวียร์รูปแบบยากิน มีราคาไม่แพงและมีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงที่น่ากังวล
• ผลการศึกษานี้ไม่ได้แสดงประสิทธิภาพในผู้ป่วยอาการหนัก
• หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ในสตรีมีครรภ์เพราะอาจมีอันตรายต่อทารกในครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก

ที่มา : ศูนย์วิจัยคลินิกศิริราช https://www.facebook.com/sicresofficial

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า